นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีการเผยแพร่ข่าวสารในระยะ 3 แล้ว มองว่า ระยะ 1-3 ไม่สำคัญเท่ากับภาวะผู้นำที่มีความเชื่อมั่นต่อประชาชน ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าวิกฤติผู้นำส่งผลต่อวิกฤติความเชื่อมั่น ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงอยากจะเสนอให้รัฐบาลเร่งสร้างภาวะผู้นำ ทำอย่างไรให้ประชาชนหันกลับมาฟังคำแนะนำ เพราะปัจจุบันนายกรัฐมนตรีบอกให้ประชาชนทำอะไร ประชาชนจะทำตรงข้าม รัฐบาลต้องจัดระเบียบยกระดับข่าวสารที่ถูกต้อง เพื่อเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน และรัฐต้องไม่ทำให้เกิดความสับสนให้กับประชาชนเสียเอง รัฐต้องทำงานอย่างเป็นระบบ ทำงานอย่างเป็นเอกภาพ จัดการปัญหาอย่างบูรณาการ ข้าราชการระดับสูงต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่าง รัฐบาลต้องยอมรับความจริงกับประชาชน ต้องสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจในสถานการณ์ที่แท้จริง รัฐบาลต้องไม่ปล่อยให้มีการแสวงหาประโยชน์ รัฐบาลต้องแสดงตนอย่างเปิดเผยพร้อมรับการตรวจสอบ

นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทย ยังอยากเรียกร้องไปยังให้รัฐบาล ติดตามกรณีการกักตุนหน้ากากอนามัย เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นอีก ประชาชนก็จะไม่ได้ซื้อในราคาแพง แบบนั้นจะมีกรมการค้าภายในไว้ทำไม พรรคเพื่อไทยจึงอยากเสนอโดยขอให้เปิดเผยใบอนุญาตส่งออกและเอกสารทั้งหมด ชี้แจงกรณีหน้ากากอนามัยส่งออกที่อ้างว่าคนไทยไม่ใช้ เนื่องจากประชาชนยังสับสนว่าความแตกต่างของหน้ากากนั้นคืออะไร รัฐบาลต้องไปขอความร่วมมือกับบริษัทผลิตให้ผลิตใช้เฉพาะในประเทศ โดยให้คำนึงถึงความต้องการในประเทศก่อน กรณีหน้ากากส่งออก เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น 

ดังนั้นต้องคำนึงถึงความต้องการพื้นฐานของประชาชนในประเทศต้องมาก่อน กระบวนการตรวจสอบภายในประเทศ โดยเฉพาะในความผิดการกักตุน การจำหน่ายเกินราคา มีองค์กรเข้าไปตรวจสอบเอาผิดกับคนที่กักตุนหน้ากากอนามัยนั้นแล้วหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน ว่ามีความเกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีในรัฐบาลแล้วหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีเพียงความพยายามบิดเบือนประเด็นการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ ซึ่งความผิดเบากว่า รวมถึงมีการตรวจสอบหน้ากากอนามัยที่ส่งออกมีการหมุนเวียนมาในประเทศหรือไม่ ดังนั้นอย่างปล่อยให้ประชาชนพยายามหาคำตอบด้วยตัวเอง รัฐบาลต้องเร่งติดตามหน้ากากอนามัยที่หายไป ไม่ใช่เอาผิดโยกย้ายข้าราชการเพียงเท่านั้น