ไม่พบผลการค้นหา
ฝ่ายค้านรุมชำแหละกลางสภาฯ ถกร่าง พ.ร.บ.งบฯ วาระ 2 ล็อกเป้าตัดงบฯกระทรวงกลาโหม ขอปรับลดการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ ค้านซื้อเรือดำน้ำ ที่ไม่สอดรับกับสภาพความลึกของอ่าวไทย ด้าน ส.ส. ประชาธิปัตย์ ขอปรับลดงบฯกองทัพโยกไปให้กระทรวงศึกษาธิการ เพื่อสร้างรากฐานที่สำคัญของประเทศ

เมื่อเวลา 20.38 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ในวาระที่ 2 พิจารณารายมาตรา ดำเนินมาถึงมาตรา 8 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 1.25 แสนล้านบาท 

โดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ในฐานะกรรมาธิการขอสวงนความเห็นปรับลดงบฯ ร้อยละ 5 โดยอภิปรายไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำ รุ่น s - 26 t yuan class จากจีน เพราะอ่าวไทย มีความลึกเพียง 40-50 เมตร ตื้น หากเทียบกับระดับความลึกปลอดภัยอยู่ที่ 60 เมตร ดังนั้น ไม่ควรซื้อเรือดำน้ำรุ่นนี้ 2.2 หมื่นล้านบาท มาปักเลน ทั้งนี้สภาฯ คือความหวังสุดท้ายอย่าปล่อยให้งบฯ ผ่านซื้อเรือดำน้ำไปได้

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย สงวนความเห็นปรับลดงบกระทรวงกลาโหม ร้อยละ 15 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศมีจำนวน 129 ล้านบาทเศษ วันนี้ภาคเอกชนไทยมีความแข็งแกร่งด้านยุทธภัณฑ์ ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมมีงบผูกพันสูงสุด 27 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หน่วยงานอื่นๆ ในภาครัฐ อย่างการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ชลประทาน การพัฒนาสถานศึกษา สถานพยาบาลไม่สามารถผูกพันได้เต็มกำลัง 

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส. จังหวัดราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ปรับลดลง20 เปอร์เซ็นต์ เพื่อนำงบไปเติมให้กับกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งตนต้องการให้ผู้บริหารประเทศโดยเฉพาะกรรมาธิการพิจารณาให้ความสำคัญในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหาในเรื่องของการศึกษาจำนวนมาก โดยเฉพาะในส่วนของ สพฐ. ที่ดูแลการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษา และอีกส่วนที่ตนต้องการให้นำงบประมาณไปสนับสนุนคือในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษา เพราะเป็นส่วนสำคัญที่จะผลิตบุคคลเข้าไปในตลาดแรงงาน ที่จะตอบโจทย์ในการสร้างพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศชาติ ทั้งนี้เรื่องของการยุบโรงเรียนขนาดเล็กนั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก อย่างที่มีสมาชิกได้อภิปรายว่าวันนี้หากเราไม่มีการติดอาวุธทางความคิด วันนี้ภัยความมั่นคงของประเทศเป็นภัยทางด้านเศรษฐกิจ วันนี้หากเราไม่สามารถผลิตเยาวชนให้มีคุณภาพได้ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร เรามีอาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ทันสมัย แต่เยาวชนไม่มีคุณภาพ ประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไร 

อย่างไรก็ตาม นายอัครเดช ยืนยันว่าตนไม่ได้ปฎิเสธว่าอาวุธยุทโธปกรณ์นั้นไม่มีความสำคัญ แต่เราจะจัดลำดับความสำคัญได้อย่างไรให้กับประเทศชาติ หากจะจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์จัดให้มีความเหมาะสม แต่วันนี้เรากำลังมีปัญหาเรื่องการศึกษา ดังนั้นตนจึงเสนอให้ตัดงบของกระทรวงกลาโหมมาเติมให้กระทรวงศึกษาธิการ เพราะเป็นรากฐานสำคัญของประเทศชาติในอนาคต


สมพงษ์ เพื่อไทย ประชุมสภา_200108_0007.jpgสุทิน สมคิด ชาดา ประชุมสภา_200108_0009.jpg

ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการปรับลดงบประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ โดยมีเหตุผลว่า งบประมาณของกระทรวงกลาโหมตอนเข้าสู่การพิจารณาวาระที่ 1 มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ไม่ชัดเจน ระบุเพียงสั้นๆว่าการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มูลค่ากี่ล้านบาท หลายรายการมีวงเงินสูงมากแต่ไม่มีการชี้แจงรายละเอียด ซึ่งเรื่องนี้คณะกรรมาธิการการทหารของสภาผู้แทนราษฎรได้เรียนเชิญกระทรวงกลาโหมมาชี้แจงทั้ง 3 เหล่าทัพ แต่ไม่มีการตอบรายละเอียดแต่อย่างใด จึงทำให้เกิดข้อสงสัยต่างๆ ว่าการไม่แสดงรายละเอียดเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 

ทั้งนี้ นายประเสริฐ บอกว่าตนรู้สึกเสียใจที่กรรมาธิการไม่มีการท้วงติงแต่อย่างใด โดยเฉพาะข้อสังเกตในเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ซึ่งเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่ค่อนข้างสูง ควรจัดซื้อเพื่อความจำเป็นของภารกิจโดยต้องสามารถชี้แจงและทำความเข้าใจกับประชาชนได้ ซึ่งประชาชนทั้งประเทศไม่เห็นด้วยเลย ซื้อไปลำแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยแล้ว ซึ่งก่อหนี้ผูกพันถึงปี 2566 และวันนี้กองทัพเรือตั้งมาอีก 22,500 ล้านบาท ผูกพันตั้งแต่ปี 2563 ถึงปี 2569 ซึ่งไม่ได้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน กรรมาธิการตั้งข้อสังเกตแบบนี้แล้วทำไมไม่ตัดงบประมาณไปเลย สิ่งเหล่านี้เราให้กรรมาธิการไปทำงานเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นตนจึงมีความจำเป็นต้องตัดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลง 10 เปอร์เซ็นต์ เพราะยังไม่มีความจำเป็น ในสภาวะที่ประเทศของเรายังต้องการใช้เงินอีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภัยแล้ง เรื่องการศึกษา 

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายงบที่เกี่ยวข้องกับการเกณฑ์ทหารที่ตั้งไว้ 14,990 ล้านบาท โดยเสนอปรับลดลงจำนวน 3,122 ล้านบาท เนื่องจากปัจจุบันกองทัพมีทหารเกณฑ์ประจำการประมาณ 1.2 แสนนาย ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมประเทศต้องมีทหารเกณฑ์ปีหนึ่งจำนวนมากขนาดนี้ ภาพที่ประชาชนคิดคือการปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการป้องกันประเทศ แต่ความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น เพราะมีการนำทหารเกณฑ์ไปใช้เป็นพลทหารบริการหรือพลทหารรับใช้ ที่น่าตกใจคือแม้แต่ระดับพันตรีก็ได้พลทหารรับใช้ด้วย ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีทหารบริการทั้งสิ้น 24,956 นาย จากจำนวนทหารเกณฑ์ 1.2 แสนนาย คิดเป็น 20.83 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องไปทำหน้าที่บริการแทนที่จะไปถือปืน กลับต้องไปถือถาด ถือผ้าชาร์มัวขัดรถ ปอกทุเรียน เลี้ยงนกเลี้ยงไก่ วันนี้ถ้าปรับลดไม่เอาพลทหารบริการแล้วให้นายพลที่โตแล้วควรซักผ้าเองได้แล้ว ก็จะช่วยประหยัดงบได้ 3,122 ล้านบาท

นายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในกำกับ จำนวน 10 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากความไร้ประสิทธิภาพของการบริหารราชการในกระทรวงกลาโหม เนื่องจากไม่สามารถปราบปรามยาเสพติด, แก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ หรือ ทำให้การเลือกตั้งสุจริตเที่ยงธรรม ทั้งนี้การดูแลเลือกตั้งไม่ใช่หน้าที่ทหาร แต่ใช้ทหารทำหน้าที่จึงต้องตรวจสอบ ทั้งนี้มีนายทหารหารือตนถึงการจัดเลือกตั้งที่สุจริต ซึ่งตนให้คำแนะนำว่าการซื้อเสียงไม่ได้ทำการลับ ดังนั้นขอให้ทหารจับกุม แต่ทหารระบุว่าไม่สามารถจับได้ เพราะกลัวประชาชนเกลียด ทำให้การจัดเลือกตั้งที่สุจริตไม่สามารถเกิดขึ้น

ทั้งนี้ การเสนอปรับลดงบประมาณของกองทัพที่ตนเสนอ เพราะมี ส.ส.บางคนเสนอให้ปรับลดอัตรานายพล เพราะปัจจุบันอัตรานายพล 1 ตำแหน่งเท่ากับนายทหาร 600 นาย ขณะที่สหรัฐอเมริกา นายพล 1 คน เท่ากับนายทหาร 1,600 นาย ทั้งยังมีนิตยสารประเทศญี่ปุ่นเขียนบทความระบุว่ากองทัพของไทยแม้จะเก่ง ทำทุกอย่างได้ แต่กลับแพ้การทำสงคราม และตนขอให้กองทัพที่ได้รับงบประมาณปี 2563 ทำหน้าที่เอาชนะสักแนวรบให้ได้ 

ขณะที่นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย อภิปรายขอลดงบประมาณกระทรวงกลาโหม พร้อมตั้งคำถามถึงการจัดสรรงบลบในกระทรวงให้กับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่ดูแลงานด้านกฎหมายและนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ เดือนละ 1 ล้านบาท ซึ่งขอให้ กมธ.ฯ ชี้แจงต่อประเด็นดังกล่าวว่าทราบและตรวจสอบหรือไม่ ว่าจัดสรรงบลับให้รองนายกฯ​ที่ไม่เกี่ยวกับงาานทหารเพื่ออะไร หากงบประมาณใช้ไม่หมดควรส่งคืนคลัง

โดยที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับร่างของคณะกรรมาธิการที่มีการแก้ไขด้วยคะแนน  247 เสียง

สำหรับมาตรางบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการคลังและหน่วยงานในกำกับ  มีการแก้ไข มีกรรมาธิการขอสงวนความเห็น และมีผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติ กรรมาธิการขอสงวนความเห็นโดยขอตัดงบประมาณที่ตั้งไว้ลง เนื่องจากกระทรวงการคลัง

มีหน่วยรับงบประมาณที่ไม่แสดงรายละเอียดในการใช้จ่ายงบประมาณ ซึ่งถือว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย สมาชิกฯ ผู้แปรญัตติขอสงวนคำแปรญัตติโดยขอปรับลดงบประมาณลง เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบการใช้งบประมาณของหน่วยงานในกำกับ อาทิ การเช่ารถ ที่มีค่าเช่าแพงกว่าปกติ โครงการสัมมนาต่าง ๆ ที่ไม่มีการแสดงรายละเอียดของโครงการที่ชัดเจน และมีการใช้งบประมาณที่สูญเปล่า อาทิ 

การจัดสัมมนาที่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ และกรมศุลกากรซึ่งเป็นหนึ่งในกรมหลักของกระทรวงการคลัง มีการจัดเก็บรายได้น้อยลงมาก กรรมาธิการฯ ชี้แจงว่าจะดูแลการจัดเก็บรายได้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ตามเป้าหมาย  

ส่วนประเด็นหน่วยรับงบประมาณที่เป็นหน่วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้นเพื่อให้องค์กรปกครอง

ส่วนท้องถิ่นมีสิทธิเท่าเทียมกับหน่วยรับงบประมาณอื่นที่ถูกต้องตามกฎหมาย สำหรับส่วนราชการที่มีการเช่ารถยนต์ที่มีราคาสูงเนื่องจากมีการใช้งานอย่างต่อเนื่องยาวนาน ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยกับร่างของคณะกรรมาธิการที่มีการแก้ไขด้วยคะแนน 239 เสียง

จากนั้น ประธานได้สั่งพักการประชุมในเวลา 00.50 น. ของวันที่ 9 ม.ค. และนัดประชุมในวันที่ 9 ม.ค. เวลา 09.30 น.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: