ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ซัด "ประยุทธ์" จะพาประเทศเสียหายเหมือนช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง ฝ่ายค้านพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจ ขออย่าอ้างรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหาร เพราะก่อนหน้านี้ก็เป็นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า เดือน ต.ค. ที่ผ่านมาถือเป็นเดือนแรกของไตรมาสที่ 4 ซึ่งโดยปกติถือเป็นช่วงไฮซีซั่นของการบริโภคและการจับจ่ายของประชาชนในประเทศ แต่ปีนี้ พ.ศ.2562 ที่ประเทศไทยมีหัวหน้าทีมเศรษฐกิจชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับพบว่า สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ยังเต็มไปด้วยความเสี่ยง กูรูเศรษฐกิจหลายสำนักต้องปรับลดคาดการณ์ตัวเลขทางเศรษฐกิจสำคัญหลายครั้ง 

แม้แต่ตัวเลข GDP และตัวเลขการส่งออกที่หลายฝ่ายคาดการณ์กันไว้ดีในช่วงต้น ปรากฎว่าน่าจะติดลบอย่างน้อยอีก ร้อยละ 1-2 อย่างแน่นอน แถมตัวเลขนี้ยังไม่รวมปัจจัยใหม่อย่างถูกตัด GSP ที่จะกระทบกับการส่งออกเพิ่มเติมอีกด้วย

น.อ.อนุดิษฐ์ ยังบอกอีกว่า ซ้ำร้ายประเทศไทยยังเจอกับปัญหาเงินบาทแข็งค่าเป็นประวัติการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบกับการส่งออก และการท่องเที่ยวโดยตรง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงไฮซีซั่นนี้ ผลปรากฎว่าปีนี้ (62) ยอดจองโรงแรมลดลงอย่างมาก ทั้งในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศลดลงอย่างชัดเชน โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างรัสเซีย ที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเหลือ 970,000 คน สวนนักท่องเที่ยวจากยุโรปชาติอื่นๆ ก็ลดลงด้วย ทำให้รายได้ลดลงเหลือแค่ 67,000 ล้านบาทเท่านั้น

ส่วนผู้ประกอบการและนักธุรกิจส่วนใหญ่ที่ตนรู้จักต่างพูดเหมือนกันว่าสิ้นหวังที่ พล.อ.ประยุทธ์ แย่งงานนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เคยกำกับดูแลภาพรวมเศรษฐกิจไปทำเอง แต่ผลงานกลับดิ่งลง ซ้ำร้ายนายสมคิด ยังออกมายอมรับว่าเศรษฐกิจในปี 2020 (2563) มีทั้งความเสี่ยงและโอกาส

เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลโดยตรง บอกว่ายังมองไม่เห็นโอกาสอะไรเลย เพราะมองไปทางไหนเศรษฐกิจล้วนมีแต่ความเสี่ยง ขณะนี้อยู่ในไตรมาสที่ 4 มาเดือนเศษแล้ว ก็ยังไม่เห็นสัญญาณเศรษฐกิจดีขึ้น ดูได้จากการปรับลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ทำให้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงเหลือร้อยละ 1.25 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์อีกเช่นกัน และเป็นอัตราดอกเบี้ยเท่ากับช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง จึงสะท้อนภาพชัดให้เห็นว่าการทำหน้าที่ของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นอย่างดีว่า ทำให้ประเทศถอยหลัง หรืออาจกำลังทำให้ประเทศเสียหายเทียบเท่ากับวิกฤตเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของเอเชียเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมาก็ได้

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ให้เหตุผลเรื่องการลดดอกเบี้ยนโยบายในครั้งนี้ เนื่องจากการส่งออกสินค้าหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ การท่องเที่ยวมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง การจับจ่าย การลงทุนเอกชนมีแนวโน้มชะลอลงตามรายได้ของครัวเรือนและการจ้างงานที่ปรับลดลงเร็ว นอกจากนั้นความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือน ต.ค. ยังลดลงต่ำสุดในรอบ 65 เดือน หรือ 5 ปี ซึ่งเริ่มตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจในฐานะหัวหน้า คสช.

การขาดความเชื่อมั่นของประชาชนที่เห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังไม่ฟื้นตัวอย่างแน่นอน จะทำให้ทุกคนชะลอการใช้จ่ายเงินจนถึงสิ้นปี และสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ตอกย้ำความล้มเหลวในการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ กูรูด้านเศรษฐกิจทุกสำนักพยายามส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลมาแล้วหลายครั้งว่า การที่รัฐบาลถนัดแต่ถลุงงบประมาณเพื่อมาอัดฉีดประชาชนในระยะสั้น แจกเงินเพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งเป็นช่วงที่คนจะต้องจับจ่ายอยู่แล้ว เป็นความคิดที่ไม่ฉลาดอย่างยิ่ง

น.อ.อนุดิษฐ์ เพิ่มเติมด้วยว่า นับตั้งแต่การใช้งบประมาณผ่านมาตรการภาษี ผ่านโครงการช้อปช่วยชาติในปลายปี 2561 ,บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ, ช้อปช่วยชาติ ทั้ง 2 เฟส และยังจะเริ่มเฟส 3 ที่ใช้งบประมาณซึ่งมาจากภาษีประชาชนทั้งประเทศ รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 4 แสนล้านบาท งบประมาณก้อนนี้ถูกตั้งคำถามว่า ทำเพื่ออุ้มคนบางกลุ่มใช่หรือไม่ และจริงหรือเปล่าที่ประชาชนซึ่งใช้จ่ายในโครงการเหล่านี้ถูกใช้เป็นแค่เครื่องมือผันเงินให้กับเจ้าสัวเท่านั้น ซ้ำร้ายยังเมินเฉยต่อปัญหาโรงงานปิดกิจการจนทำให้แรงงานตกงานไร้งานไร้เงิน หากดูช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ต.ค. 2562) มีการแจ้งเลิกประกอบกิจการโรงงาน และจำหน่ายทะเบียนโรงงาน 1,989 แห่ง ทำให้คนตกงาน 49,157 คน แปลว่า 10 เดือนปีนี้แซงปี 2561 ทั้งปีไปเป็นที่เรียบร้อย (ปี 2561 ปิดโรงงาน 1,603 แห่ง คนตกงาน 40,305 คน)

ทั้งนี้ ตนจะไม่กล่าวหาท่านผู้นำว่าบริหารงานบกพร่อง ผิดพลาด และไร้ประสิทธิภาพ แต่การทำงานของหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่แสดงความเห็นว่าท่านกำลังนำพาประเทศไปสู่ความเสียหายที่ไม่ต่างจากวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540 เป็นเครื่องตอกย้ำว่าท่านไม่มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้แก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชนใช่หรือไม่ ล่วงเลยมาถึงวันนี้ อย่ามาถามอีกว่ารัฐบาลประยุทธ์ 2 พึ่งบริหารประเทศมาไม่กี่เดือนทำไมฝ่ายค้านต้องอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เพียงแค่ไม่กี่เดือน ตัวเลขทางเศรษฐกิจยังดิ่งเหวได้ขนาดนี้ พวกตนคงไม่ยอมอยู่เฉยๆ ให้ท่านบริหารประเทศแบบนี้ต่อไปอีก ปีนี้เผาหลอกยังไหม้เกรียมขนาดนี้ รอถึงปีหน้าคงกลายเป็น "ขี้เถ้า" กันหมดทั้งประเทศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :