ไม่พบผลการค้นหา
'ไพบูลย์' ไม่พอใจ 'ชวน' ขวางปมญัตติขอส่งศาล รธน.ตีความ 4 ญัตติฝ่ายค้าน ด้าน 'เลขาฯ สภา' ยัน ญัตติถูกตีตกแล้ว เหตุไม่เข้าเงื่อนไขประชุมรัฐสภา เผยเรียกประชุมเตรียมรับมือม็อบ

ที่รัฐสภา ไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ยังไม่บรรจุวาระญัตติขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย 4 ญัตติของฝ่ายค้านว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากมีการลงชื่อซ้ำกัน ว่าประธานรัฐสภาไม่มีอำนาจวินิจฉัยที่จะไม่บรรจุญัตติดังกล่าวของตนเข้าสู่วาระ เพราะการวินิจฉัยว่า 4 ญัตติของพรรคฝ่ายค้านขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งจะต้องผ่านการพิจารณาจากที่ประชุมรัฐสภา และไม่มีตรงไหนที่เป็นอำนาจของประธานรัฐสภา หรือผู้ใดที่จะมาวินิจฉัยก่อน เพราะเรื่องนี้เป็นอำนาจของรัฐสภาก็ต้องบรรจุวาระเข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งเป็นอำนาจของที่ประชุมว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่    

“เท่าที่ทราบเหตุผลที่ยังไม่บรรจุญัตติในวาระ เป็นเพราะทีมงานหน้าห้องประธานรัฐสภาซึ่งเป็นฝ่ายการเมืองดึงเรื่องเอาไว้ ทั้งที่ญัตติของฝ่ายค้านยื่นในวันเดียวกับที่ผมเสนอคือวันที่ 16 ก.ย. แต่ของฝ่ายค้านกลับได้รับการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา ผมรู้สึกติดใจ และไม่สามารถอ้างได้ว่า เหตุผลที่บรรจุล่าช้าเป็นเพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบ เพราะกรณีของพรรคฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติในวันเดียวกับผม มีผู้เข้าชื่อมากกว่า 100 คนแต่กลับได้รับการบรรจุ แต่ของผมมีผู้เข้าชื่อเพียง 45 คนเท่านั้น และเรื่องนี้ผมดำเนินการตามข้อบังคับตามกฎหมาย จะมาหยุดญัตติของผมได้ก็ต้องด้วยกฎหมายเท่านั้น ถ้ามาหยุดโดยวิธีอื่นก็จะมีปัญหา ดังนั้นในวันที่ 23 ก.ย. ผมจะขอถามเหตุผลการไม่บรรจุญัตติดังกล่าวจากประธานรัฐสภา โดยจะใช้ข้อบังคับการประชุม ข้อ 32(1)และ(2) คือเรื่องที่้องปรึกษาหารือ และต้องเปลี่ยนวาระด้วย เพราะเห็นว่าวาระ 4 ญัตติของฝ่ายค้านมีปัญหาที่ต้องตรวจสอบว่าต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่”นายไพบูลย์ กล่าว

ไพบูลย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ตั้งข้อสังเกตถึงการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ที่ทั้งของพรรคร่วมฝ่ายค้านและพรรครวมรัฐบาลเห็นตรงกันว่าอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญเนื่องจากไม่มีการทำประชามติก่อนนั้น ตนมองว่ากรณีนี้เป็นข้อห่วงใยของทาง ส.ว. แต่ก็ต้องมาพิจารณากันว่ามีปัญหาจริงหรือไม่ ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องที่มองได้หลายมุม ซึ่งในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลที่เสนอไป กรณีนี้ทำตามเงื่อนไขของมาตรา 256 ที่ต้องทำประชามติอยู่แล้ว    

ด้าน สรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวยืนยันว่า ญัตติของ ไพบูลย์ ได้ถูกตีตกแล้ว ไม่สามารถบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาได้ เนื่องจากไม่เข้าเงื่อนไขตามมาตรา 156 ของรัฐธรรมนูญ เพราะไม่ได้เป็นเรื่องที่จะเสนอให้รัฐสภาพิจารณาได้ ตามที่ฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาได้มีความเห็นเสนอไปยังประธานรัฐสภา

อย่างไรก็ตาม ตามมาตรา 156 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดเงื่อนไขการประชุมรัฐสภา มีทั้งหมด 11 วงเล็บ พบว่า ไม่มีข้อใดที่ระบุให้รัฐสภาพิจารณาญัตติ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในเรื่องใดที่เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ

เตรียมทางน้ำหนีม็อบหากเกิดความวุ่นวาย

ส่วนการเตรียมความพร้อมภายหลังจะมีกลุ่มภาคประชาชนมาชุมนุมบริเวณหน้าอาคารรัฐสภาในวันที่ 24 ก.ย.ว่า สภาไม่ได้กีดกันการแสดงความคิดเห็นของประชาชน โดยจะมีการจัดสถานที่ให้เหมือนกับเป็นลานประชาชนที่สามารถรองรับได้มากกว่าหมื่นคนและจะมีการอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องห้องน้ำและร้านอาหาร แต่ขณะนี้ลานดังกล่าวยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นในขณะนี้จะพูดว่ายินดีต้อนรับก็ยังไม่ค่อยสะดวก เนื่องจากถนนสามเสนคับแคบเป็นเพียงถนนสี่ช่องทางการจราจรเท่านั้น

ดังนั้น ถ้าม็อบรออีกสักปีนึงทุกอย่างก็จะดีขึ้น แต่เมื่อมีข่าวว่าม็อบจะมาในวันที่ 24 ก.ย. จึงได้มีการหารือกับรองเลขาธิการสภาและฝ่ายรักษาความปลอดภัยรวมทั้งมีการประสานงานไปยังหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานีตำรวจนครบาลบางโพและหน่วยทหารที่ดูแลเรื่องความั่นคง โดยจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้ง ซึ่งเป็นศูนย์อำนวยการร่วม โดยจะประเมินสถานการณ์ว่าจะมีกลุ่มผู้ชุมนุมเท่าไหรและทางสภาจะทำอย่างไร แต่เมื่อเราทราบว่าจะมีม็อบเกิดขึ้น ตนเองจะสั่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด และจะเริ่มแผนนี้ในวันที่ 23 ก.ย. ซึ่งเป็นวันประชุมร่วมกันของรัฐสภา โดยจะให้มีเวรยามมากขึ้นและดูแลบริเวณโดยรอบรัฐสภาตลอด 24 ชั่วโมง หากมีอะไรเกิดขึ้นจะสามารถประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทันที 

อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้พื้นที่ไหนรับรองกลุ่มผู้ชุมนุม หากมี 300-400 คนก็สามารถรองรับได้ แต่ถ้ามากันเป็นหมื่นก็รองรับไม่ไหว เพราะตอนนี้สภาไม่พร้อมรับรองคนเป็นหมื่น ทั้งหมดนี้ได้เรียนให้กับนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาได้รับทราบแล้ว 

เมื่อถามว่า สภาได้เตรียมทางหนีออกจากรัฐสภาหรือไม่ หากเกิดสถานการณ์วุ่นวายและปิดล้อมทางเข้าออก สรศักดิ์ กล่าวว่า เราได้เตรียมไว้ทุกทาง 1.ถ้ามีความจำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ ก็สามารถดำเนินการ โดยสามารถจอดได้บริเวณชั้นบนสุดของอาคารรัฐสภา 2.ตำรวจน้ำที่จะดูแลความปลอดภัยบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาตลอด 24 ชั่วโมง และ 3.เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รักษาความปลอดภัยโดยรอบ