ไม่พบผลการค้นหา
นิด้าโพล เผยผลสำรวจพบผู้สูงอายุช่วง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ส่วนใหญ่ทำกิจกรรมอยู่แต่ในบ้าน ไม่เข้าร่วมกลุ่มหรือสมาชิกอาสาสมัครใดๆ แต่ใช้แอปฯ ไลน์เป็น และเรียนรู้การใช้เทคโนโลยีการสื่อสารด้วยตัวเอง

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" ร่วมกับ ศูนย์วิจัยสังคมสูงอายุ (Center for Aging Society Research – CASR) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็น เรื่อง "ผู้สูงวัยไทยใส่ใจสังคมมากน้อยแค่ไหน" ทำการสำรวจระหว่าง วันที่ 8, 14-15, 29 พ.ค. และ 4-5 มิ.ย. 2563 จากผู้สูงอายุไทยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค จำนวน 1,250 หน่วยตัวอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้สูงวัยไทยในช่วง 3 เดือนก่อนที่มีการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินจากการระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่โควิด-19

จากการสำรวจเมื่อถามถึงพฤติกรรมของผู้สูงวัยต่อกิจกรรมที่ทำบ่อยครั้งในชีวิตประจำวัน พบว่า ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ทำกิจกรรมประจำวันอยู่ภายในบ้าน และมีประมาณ 1 ใน 4 ที่มีงานอดิเรกที่อาจมีการพนันขันต่อหนึ่งครั้งต่อเดือน กิจกรรมที่ผู้สูงวัยไม่เคยทำในชีวิตประจำวัน เกินกว่าครึ่ง ได้แก่ ร้อยละ 65.36 ระบุว่า กิจกรรมนอกบ้านกับครอบครัว (เช่น ดูหนัง ทานข้าว) และร้อยละ 54.08 ระบุว่า งานอดิเรกที่อาจมีการพนันขันต่อ (เช่น ชนไก่ แข่งนกขัน เล่นหวย/ซื้อสลากกินแบ่ง)

ส่วนกิจกรรมที่ผู้สูงวัยทำทุกวันในชีวิตประจำวัน เกินกว่าครึ่ง ได้แก่ ร้อยละ 80.96 ระบุว่า กิจกรรมภายในบ้านที่ไม่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายมากนัก (เช่น ฟังวิทยุ ดูทีวี อ่านหนังสือพิมพ์/หนังสือ) รองลงมา ร้อยละ 74.96 ระบุว่ากิจกรรมในบ้านที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกาย (เช่น ทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ทำสวนครัว/สวนดอกไม้) และร้อยละ 64.64 ระบุว่า ออกกำลังกาย (เช่น การเดิน โยคะ แอโรบิค ว่ายน้ำ เต้นรำ/รำไทย)

ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ไม่เป็นสมาชิกกลุ่ม/องค์กรใด และไม่ได้เข้าร่วมทำงานอาสาสมัคร ในส่วนของการเป็นสมาชิกของกลุ่ม/องค์กรของผู้สูงวัย พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 76.32 ระบุบว่า ไม่เป็นสมาชิกของกลุ่ม/องค์กรใด ในขณะที่ร้อยละ 23.68 ระบุว่า เป็นสมาชิกของกลุ่ม/องค์กร ผู้สูงวัยที่ระบุว่า เป็นสมาชิกของกลุ่ม/องค์กร พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 52.70 เป็นสมาชิกขององค์กรของผู้สูงอายุหรือผู้เกษียณ (เช่น สมาคมผู้สูงอายุ ชมรมผู้สูงอายุ องค์การทหารผ่านศึก เป็นต้น) รองลงมา ร้อยละ 46.28 เป็นสมาชิกขององค์กรทางวิชาชีพ (เช่น สหกรณ์ สมาคมแพทย์ เป็นต้น) ร้อยละ 5.07 องค์กรทางสังคม หรือทางนันทนาการ (เช่น โรตารี่ ไลอ้อนส์ ซอนต้า เป็นต้น) ร้อยละ 3.04 องค์กรทางการเมือง (เช่น พรรคการเมือง) และร้อยละ 1.35 องค์กรด้านชาติพันธุ์/เชื้อชาติ (เช่น หอการค้าไทย-จีน สมาคมแต้จิ๋ว สมาคมปักษ์ใต้ เป็นต้น)

สำหรับการเข้าร่วมทำงานอาสาสมัครในวัด/ศาสนสถาน หรือในชุมชนของผู้สูงวัย พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 83.52 ระบุว่า ไม่เข้าร่วมทำงานอาสาสมัครในวัด/ศาสนสถาน หรือในชุมชน ในขณะที่ ร้อยละ 16.48 ระบุว่า เข้าร่วม ทำงานอาสาสมัครในวัด/ศาสนสถานหรือในชุมชน

โดยผู้สูงวัยที่ระบุว่า เข้าร่วมทำงานอาสาสมัครในวัด/ศาสนสถาน หรือในชุมชน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 49.03 เป็นอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) รองลงมา ร้อยละ 40.29 เป็นกรรมการวัด/ศาสนสถาน/โบสถ์ ร้อยละ 11.17 เป็นอาสาสมัครดูแลผู้สูงอายุ (อผส.) และ ร้อยละ 6.80 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ อาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อาสาสมัครตำรวจบ้าน กรรมการหมู่บ้าน อาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน สำหรับการเป็นอาสาสมัครโครงการธนาคารเวลา มีเพียงร้อยละ 0.49 ของผู้สูงวัย

ผู้สูงวัยส่วนมากไม่ใช้สื่อทางสังคม (Social Media) แต่ทุกคนใช้โทรศัพท์มือถือ เพื่อติดต่อสื่อสาร สำหรับการใช้สื่อทางสังคม (Social Media) ของผู้สูงวัย พบว่า ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ ร้อยละ 44.72 ระบุว่า ใช้ Line รองลงมา ร้อยละ 30.56 ระบุว่า ใช้ Facebook ร้อยละ 29.60 ระบุว่า ใช้ YouTube ร้อยละ 4.80 ระบุว่า ใช้ Instagram และร้อยละ 3.44 ระบุว่า ใช้ Twitter

ด้านการมีเครื่องมือการสื่อสารของผู้สูงวัย พบว่า ผู้สูงวัยส่วนใหญ่ ร้อยละ 6.56 มี Notebook ใช้ รองลงมา ร้อยละ 6.24 มีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ (PC) ใช้ และร้อยละ 6.00 มี Tablet ใช้

ท้ายที่สุดสำหรับบุคคลที่ช่วยเหลือผู้สูงวัยในการใช้เทคโนโลยีการสื่อสาร พบว่า ร้อยละ 30.64 ระบุว่า ไม่มีใคร รองลงมา ร้อยละ 28.00 ระบุว่า บุตรสาว ร้อยละ 25.04 ระบุว่า หลาน (ลูกของบุตร) ร้อยละ 21.36 ระบุว่า บุตรชาย ร้อยละ 9.20 ระบุว่า เพื่อน ร้อยละ 3.04 ระบุว่า คู่สมรส ร้อยละ 1.76 ระบุว่า ญาติ ร้อยละ 1.52 ระบุว่า บุตรสะใภ้ ร้อยละ 1.36 ระบุว่า น้องสาว ร้อยละ 1.20 ระบุว่า บุตรเขย ร้อยละ 0.88 ระบุว่า อื่น ๆ ได้แก่ เพื่อนบ้าน พนักงานร้านขาย - ซ่อม โทรศัพท์ และร้อยละ 0.56 ระบุว่า น้องชาย