ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี พร้อมเดินหน้าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางดิจิทัลในอาเซียน ชี้ต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชนและเข้าถึงข้อมูลอย่างรอบด้าน เพราะยังมีคนหลงเชื่อข้อมูลบิดเบือนที่เกิดขึ้นในโลกโซเชียล ยืนยันไม่ขัดแย้งกับใคร ไปก้าวล่วงกฎหมายอื่นไม่ได้ เช่นเดียวกับประเทศอื่น ที่มาก้าวล่วงกฎหมายประเทศไทยได้

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนาและนิทรรศการนานาชาติ “Digital Thailand Big Bang 2019 : โลกเปิด เราปรับ ประเทศเปลี่ยน : ASEAN Connectivity” ก่อนจะมอบรางวัล Prime Minister's Award และร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระดับนานาชาติด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกวันนี้เรากำลังเดินหน้าไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี วันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่เราจะได้มาเห็นความก้าวหน้า เป็นการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลวันนี้เราต้องทำให้ดิจิทัลเกิดประโยชน์สูงสุดกับทุก ๆ คน รวมถึงใช้เทคโนโลยีมาบริหาร งานในภาครัฐ โดยหวังให้เกิดการเชื่อมโยงที่ไร้รอยต่อ ลดปัญหาและอุปสรรค โดยให้เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เป็นศูนย์กลางของอาเซียนอย่างไร้รอยต่อ มุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ในภาคธุรกิจ สอดรับกับการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้ครอบคลุมทั้ง 6 ด้าน และนำประโยชน์จากการเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ของภาครัฐ มาพัฒนาคนและกลุ่มธุรกิจที่สำคัญทั้ง เกษตรกร และเอสเอ็มอี เพื่อยกระดับรายได้ให้ทั่วถึง ซึ่งหากทำสำเร็จไทยจะสามารถแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ และก้าวสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติ 

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า การใช้สื่อออนไลน์วันนี้มีมากมายมหาศาล ที่มีทั้งข้อมูลที่ดี และไม่ดี ถือว่าเป็นการคุกคามหรือรูปแบบใหม่ โดยเฉพาะใช้ดิจิทัลในการ สนับสนุนการรวมพลต่างๆ ถือว่าเป็นภัยรูปแบบใหม่ๆ ทางด้านความมั่นคงของดิจิทัล ซึ่งรัฐบาล ได้ออกกฏหมายมา 2 ฉบับ ที่มีผลบังคับใ้ช้แล้ว ซึ่งเมื่อเช้าระหว่างเดินทาง ได้เห็นข่าวลอกลวงไปลงทุน 1,000 บาท จะได้กำไร 930 บาท ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังมีคนหลงเชื่อ ดังนั้นต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับประชาชน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นไปไม่ได้ และต้องพัฒนาคน ซึ่งทุกอย่างต้องร่วมมือกัน โดยเฉพาะ ด้านการศึกษา ต้องเปิดโอกาส ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลได้นำเทคโนโลยีมาใช้ในการพัฒนาให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะลำพังรัฐบาลไม่สามารถทำคนเดียวได้ 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรียัง ชี้แจงถึงเรื่องของการบริหารจัดการน้ำ การรักษาสิ่งแวดล้อม ในการใช้เทคโนโลยีมาเก็บข้อมูล โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันทุกๆ อย่างให้ประเทศไทยไปสู่ความก้าวหน้า ลดความขัดแย้งกับมิตรประเทศ ซึ่งยืนยันส่วนตัวไม่อยากขัดแย้งกับใคร เราไม่สามารถไปก้าวล่วงกฎหมายของประเทศใดได้ เช่นเดียวกัน ประเทศอื่นก็ไม่สามารถก้าวล่วงกฏหมายในประเทศไทยได้ ต้องเคารพกฏหมายซึ่งกันและกัน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่มีความรวดเร็วการพูดอะไรออกไป ต้องระมัดระวัง เพราะมีความเสี่ยง อาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งตามมา รวมถึงขอให้ทุกคนมองไปข้างหน้า เพื่อไปสู่เป้าหมายที่ทุกคนต้องการคือ การอยู่ดีมีสุข


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :