ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เปิดประชุมประจำปีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับมือหลังโควิด บอกจุดแข็งของไทยคือความซื่อสัตย์ รักชาติ รักแผ่นดิน ขอทุกคนเคารพกฎหมาย เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ก่อนเปิดงานรณรงค์เตรียมพร้อม อสม.เฝ้าระวังโควิด-19 ระลอกสอง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม และปาฐกถาพิเศษในการประชุมประจำปี 2563 ของสำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เรื่องชีวิตวิถีใหม่ ปรเเทศไทยหลังโควิด ที่เมืองทองธานี โดยภายในงานมีการมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูง นอกจากมีการการแสกนคิวอาร์โค้ดชัยชนะ ป้องกันการแพร่ระบาดโควิด มีการสแกนบัตรประชาชนผู้เข้าร่วมงานด้วย เพื่อป้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาในงาน หลังคาดการณ์ว่าการชุมนุมจะยึดเยื้อถึงวันนี้ (21 ก.ย.)

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้สำคัญเพราะเป็นความเป็นความตายของประเทศ ต้องตั้งหลัก เดินหน้าประเทศ เผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ตนคิดว่าจุดแข็งของคนไทย คือ ความซื่อสัตย์ รักชาติ รักแผ่นดิน เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ รวมถึงมีความรักความสามัคคี เป็นสิ่งที่เราต้องสร้างให้เข้มแข็ง ก่อนที่จะไปเติมโครงสร้างอื่นเพิ่มเข้าไปในจิตใจของเรา ที่ผ่านมารัฐบาลได้ดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ ภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับที่ 12 มีมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ช่วยเหลือเกษตรกร โครงสร้างพื้นฐาน ถนน รถไฟฟ้า ชาวยเหลือผู้ประกอบการ 

IMG_20200921135040000000.jpg

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ยังไม่จบ ยังคงมีการแพร่ระบาด ทำให้เกิดผลกระทบด้านเศรษฐกิจ รัฐบาลจึงออก พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับ 1.9 ล้านบาท ใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ จ้างงานกว่า 4 แสนตำแหน่ง วันนี้ไม่อยากกู้เงินเพิ่ม เพราะเป็นภาระ จึงต้องใช้เงินอย่างคุ้มค่า สถานการณ์โควิด-19 ทำให้ได้รับผลกระทบทั้งหมด ดังนั้นทุกคนต้องปรับตัวรวมถึงรัฐบาล ต้องปรับตัวเข้าสู่ชีวิตวิถีใหม่ด้วย 

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า การพัฒนาคนที่สำคัญที่สุดคือการพัฒนาจิตใจ เพราะจับต้องไม่ได้ แต่จับต้องได้ด้วยความสงบสุขของบ้านเมือง ขวัญกำลังใจ ทำให้ประเทศชาติแน่นแฟ้น มีความรัก มีความสามัคคี ปัญหาอะไรเข้ามาก็ร่วมกันเผชิญหน้าและแก้ไข ในวันข้างหน้าจะมีปัญหาเข้ามาอีกมากมาย ทั้งวันนี้และในอนาคต ดังนั้นต้องส่งเสริมความมั่นคงทางสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อให้คนของเราเป็นกำลังหลักในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน และหวังเห็นประชาชนเรียนรู้อย่างมีเป้าหมายและสร้างสรรค์ นำไปสู่การปฎิบัติอย่างถูกต้อง ขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี ได้ไอระหว่างพูดบนเวที ก่อนจิบน้ำ ก่อนบอกว่า ไม่ได้เป็นอะไร แต่มีอาการเจ็บคอ

เปิดงานรณรงค์ อสม.เฝ้าระวังโควิด-19 ระบาดรอบ 2

จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ สวมเสื้อขาวสวมบทคุณหมอ เป็นประธานเปิดการรณรงค์เตรียมความพร้อม อสม.เฝ้าระวังป้องกันโควิด-19 ระบาดรอบ 2 กดปุ่มโอนค่าตอบแทนเพิ่มให้ อสม.

IMG_35265_20200921120815000000.jpg

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ได้มาพบกับ อสม.พร้อมโอนเงินให้ อสม.เพิ่มเติมจำนวน 7 เดือนเดือนละ 500 บาทรวม 3,500 บาท จากเดิมได้เดินละ1000 บาท และขอให้ใช้เงินให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนในระบบ ซึ่ง อสม. จะเป็นแกนนำในการรวมไทยสร้างชาติเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุดและตลอดไปไม่ใช่แค่สถานการณ์โควิด-19 เท่านั้นแต่ประเทศไทยมีปัญหาด้านสุขภาพพอสมควร สิ่งสำคัญที่สุดในการมุ่งหวังคือจะทำอย่างไรให้ป้องกันสุขภาพคนไทยให้ได้มากที่สุดก็คือการสร้างความรับรู้เน้นการป้องกันมากกว่ารักษา

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า อสม.ทุกคนเป็นบุคคลสำคัญของประเทศไทย ทุกคนจะนิ่งนอนใจไม่ได้ว่า จะมีการแพร่ระบาดรอบ 2 หรือไม่ แต่ยืนยันรัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนการทำงานของ อสม.ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก

ทั้งนี้ขออย่าคิดว่าเงินเหล่านี้ เป็นเงินค่าจ้างแต่เป็นค่าตอบแทนน้ำใจของทุกคนที่อาสาสมัครเข้ามาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน อะไรที่รัฐบาลสามารถดูแลได้ ก็จะตอบแทนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาที่ อสม.ทุกคนจะต้องใช้จ่าย เชื่อว่าหลายคนเสียสละมากมาย สิ่งสำคัญที่ทำได้ในวันนี้ คือเพื่อเป็นมาตรฐานสำคัญให้กับประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องของโควิด-19 อย่างเดียวแต่เป็นเรื่องของชาติ ศาสน์ กษัตย์ และประชาชน ขอฝากประเทศไทย ฝาก ประเทศ ชาติ  ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ไว้ในมือของท่าน 

ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีออกตัวว่าใส่เสื้อขาวไม่ได้เป็นหมอตู่ แต่เป็นนายกฯต้องทำหลายอย่างเปรียบเสมือนช่างแก้ไข ช่างซ่อม ช่างปะผุ

IMG_20200921120759000000.jpg

นายกฯ ขอบคุณจนท.อดทนอดกลั้นต่อการชุมนุม

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการชุมนุมของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ว่า ยินดีที่ทุกอย่าง เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บ้านเมืองมีความสงบ สันติ พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ทำงานด้วยความเสียสละ อดทน อดกลั้น ซึ่งหากบ้านเมืองสงบสุขแบบนี้ ก็จะสามารถแก้ปัญหาได้หลายๆ อย่าง จึงอยากฝากไปประชาชนให้คิดด้วย ว่า ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นหลักยืดเหนี่ยวจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ 

ส่วนที่มีการนัดชุมนุมวันที่ 24 ก.ย.นี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขอให้ติดตามต่อไป เมื่อถามว่า การฝังหมุดคณะราษฏร์ ลงพื้นที่สนามหลวงถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “จ๊ะ”