ไม่พบผลการค้นหา
สหภาพแรงงานกลางสื่อฯ เรียกร้องต้นสังกัดนักข่าว-ช่างภาพ ภาคสนาม มีมาตรการดูแลความปลอดภัยในการปฏิบัติงานช่วงโควิด-19 ระบาด

สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง มาตรการความปลอดภัยสำหรับนักข่าวและช่างภาพภาคสนามในสถานการณ์วิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 (COVID-19) ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดขอไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ไม่เพียงส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคมไทยทุกระดับและทั่วประเทศอย่างจุนแรง มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้รัฐบาลไทย มีประกาศบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2563 รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อการทำงานของสื่อมวลชนทุกแขนง

โดยเฉพาะสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่ในภาคสนามไม่ว่าจะเป็น ผู้สื่อข่าวช่างภาพ ผู้ช่วยซ่างภาพ ในการทำหน้าที่บริการสาธารณะบอกเล่าสถานการณ์ เผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่างรอบด้าน ตามกรอบจรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน

เพื่อให้ทุกคนในสังคมได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และรัฐบาลสามารถแก้ขปัญหาได้ถูกจุด แต่การทำหน้าที่ดังกล่าวจะไม่สามารถเกิดผลอย่างที่กล่าวมาได้ หากผู้สื่อข่าว ช่างภาพ ที่เป็นทีมข่าวภาคสนาม ไม่สามารถลงพื้นที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างปลอดภัย เพราะจะไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ที่ไหลบ่าในสื่อออนไลน์ต่างๆ นั้น เป็นข้อมูลที่ถูกต้อง หรือเป็นเพียงข่าวลวงที่สร้างกระแสให้ผู้คนตื่นตระหนก ประกอบกับในห้วงเวลา

นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์แพะบาดอย่างรุนแรงในกรุงเทพมหานคร จนระบาดไปทั่วประทศมากถึง 57 จังหวัด มีนักข่าวช่างภาพ และผู้ช่วยช่างภาพ ทั้งเป็นที่สื่อมวลชนส่วนกลาง และสื่อมวลชนในส่วนภูมิกาด หลายคนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวที่เหมาะสมและปลอดภัยเพียงพอ ในการทำงานในพื้นที่ จนต้องถูกกักตัว หยุดพักการปฏิบัติงานเป็นการชั่วคราว

จากสถานการณ์ดังกล่าว สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย จึงมีข้อเสนอแนะต่อสมาคม องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนและกองบรรณาธิการของสื่อแต่ละสำนักที่ปฏิบัติงานในประเทศไทยเพื่อให้ตระหนักถึงความสำคัญในการดูแลความปลอดภัยของช่างภาพผู้สื่อข่าวในสังกัด ดังนี้

1.ในสถานการณ์ที่สังคมเกิดความแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรง ผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ในการควบคุมเนื้อหาและทิศทางข่าวในกองบรรณาธิการควรนำเสนอข้อมูลข่าวสารอย่างตรงไปตรงมา ลดการแสดงอารมณ์ อคติที่จะเพิ่มพูนความเกลียดชังขึ้นในสังคม ที่อาจเป็นการสร้างไม่ปลอดภัยแก่นักข่าว และช่างภาพที่ปฏิบัติงานในพื้นที่

2.ช่วยประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและผู้นำชุมชนเพื่อให้รับรองความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการทำหน้าที่

3.จัดหาอุปกรณ์ป้องกันชีวิตที่มีประสิทธิภาพในการใช้งานได้จริงและเพียงพอต่อช่างภาพและนักข่าวทุกคน สำหรับการลงพื้นที่เสี่ยงภัยอาทิ หน้ากากป้องกันใบหน้า หน้ากากป้องกันระบบทางเดินหายใจ ชุดเสื้อกันฝน และถุงมืออนามัย (ยาง)

4.สนับสนุนอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อใช้ในการส่งภาพและข่าว ที่สามารถใช้งานสื่อสารทางไกลได้ทุกสถานที่

5.กองบรรณาธิการ หรือสำนักข่าวตันสังกัด หาควรจัดที่พักที่ปลอดภัยให้กับนักข่าว และช่างภาพ ที่ปฏิบัติภาคสนามที่ปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงภัยได้พัก โดยไม่ต้องสร้งภาระกังวลว่า จะทำให้ครอบครัวได้รับกาวะความเสี่ยงติดเชื้อไปด้วย

6.ขอให้มีการดูแลและช่วยเหลือสวัสดิการรักษาพยาบาลนักข่าว ช่างภาพ และผู้ช่วยช่างภาพ ที่เจ็บป่วยจากการปฏิบัติงานในภาคสนามตามค่าใช้จ่ายจริง

7.ควรจัดเบี้ยเลี้ยงในกรณีที่ชางภาพ-นักข่าวอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยหรือมีค่าล่วงเวลาในกรณีที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ติดต่อกันเป็นเวลานานกว่า 10 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อเป็นขวัญและกำลังในการทำงาน

8.ต้นสังกัดควรมีวันหยุดพิเศษที่ไม่นับเป็นวันลาให้กับนักข่าวคาดสนาม เพื่อเปิดโอกาสให้ได้พักผ่อนเยียวยาฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ