ไม่พบผลการค้นหา
สัมภาษณ์ผู้อยู่เบื้องหลังสำนักพิมพ์ที่เชื่อว่า นิยายแฟนตาซีไม่ใช่แค่เรื่องของเด็ก และไทยยังมีนิยายแฟนตาซีระดับโลกไม่มากพอ

ความโด่งดังของ Harry Potter จนถึง Game of Thrones ทำให้ดูคล้ายว่า หนังสือนิยายแฟนตาซีแพร่หลาย และวางขายอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ทว่ากลับมีชายคนหนึ่งบอกว่า ประเทศไทยยังมีนิยายแฟนตาซีไม่มากพอ ในตลาดแฟนตาซีที่ดูเหมือนหัวหาดจะถูกยึดด้วยสำนักพิมพ์รายใหญ่ไปหมดแล้ว แต่ ‘Words Wonder’  สำนักพิมพ์เล็กๆ กลับยังคงทยอยออกหนังสือแฟนตาซีชื่อดังมาอย่างต่อเนื่องเกือบ 30 เล่ม ไม่ว่าจะเป็น อเมริกัน ก็อดส์ ของ นีล เกแมน เจ้าพ่อวงการแฟนตาซี หรือ Fevre Dream เรือรัตติกาล นิยายสยองขวัญของ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน ผู้เขียนมหากาพย์ศึกชิงบัลลังก์อย่าง Game of Thrones

“ผมมองว่าสำนักพิมพ์เล็กจำเป็นต้องมีแบรนด์ที่ชัดเจน แบรนด์เราชัดเจนว่าแฟนตาซีนะ แล้วเป็นแฟนตาซีที่ดีที่สุดระดับโลกด้วย อยู่ที่นี่” บอย-ณัฐกร วุฒิชัยพรกุล ผู้ก่อตั้งสำนักพิมพ์ Words Wonder ยืนยันอย่างนั้น

ย่างเข้าสู่ปีที่ 7 แล้วที่บอยถอนตัวจากธุรกิจสิ่งทอของทางบ้าน เพื่อมาทำสำนักพิมพ์นิยายแฟนตาซี ซึ่งเขากล้าพูดอย่างเต็มปากว่า ทุกเล่มเป็นนิยายแฟนตาซีระดับ World Class ทีม Voice On Being จึงชวนหาร่วมหาคำตอบกันว่า เสน่ห์ของแฟนตาซีที่ทำให้ชายคนหนึ่งทิ้งความมั่นคงมาเป็นนักพิมพ์หนังสือแนวนี้คืออะไร และหนังสือแบบไหนกันที่เขาเรียกว่าแฟนตาซีระดับโลก


ประเทศไทยยังมีนิยายแฟนตาซีไม่พออีกเหรอ

ผมเดินเข้าไปในร้าน มันไม่มีหนังสือแฟนตาซีมากพอ และดีพอสำหรับผม สำหรับในเมืองไทยนะครับ ผมไปดูเมืองนอก โอ้โฮ มีชอยส์มากมายเลย แต่ในเมืองไทยยังมีน้อย เพราะมันยังจำกัดอยู่ที่เด็กวัยรุ่นอยู่ แต่ไม่มีใครยอมทำหนังสือหนาๆ หรือ มหากาพย์เป็นชุด ไม่ค่อยมีใครทำ ผมเลยอยากจะมาอยู่ตรงแก็ปตรงนั้นที่ทำแฟนตาซีหลายแบบทั้งแฟนตาซีเล่มเดี่ยว ทั้งแฟนตาซีที่เป็นซีรีส์ของผู้ใหญ่ด้วย ซึ่งเรามองตอนนี้มันก็มี Game of Thrones เจ้าเดียว เพราะมันมีซีรีส์ภาพยนตร์ แต่ธรรมดามันมีหนังสือซีรีส์แฟนตาซีสำหรับผู้ใหญ่เยอะมากที่ไม่มีใครสนใจ

01.jpg

ในตลาดดูเหมือนมีคนพิมพ์อยู่เยอะ แต่จริงๆ เรื่องที่ดังจริงๆ ที่เราจะทำมันยังมีอีกเยอะมาก อย่างนักเขียนดังๆ แบบนีล เกแมน ทำไมถึงยังไม่มีคนทำอย่างจริงจัง ผมว่าสำนักพิมพ์เหล่านั้นเขามองว่าแฟนตาซีเป็นเรื่องของเด็ก เป็นเรื่องของวัยรุ่นถึงจะอ่าน แต่ผมมองว่าแฟนตาซีของผู้ใหญ่เนี่ยมีเยอะมาก อย่างนีล เกแมน ก็ไม่ได้เป็นหนังสือเด็กเสมอไป

แล้วแฟนตาซีเป็นเล่มหนาหมดเลย คือเล่มดังๆ เขามักจะหนา เพราะว่าเขาจะต้องสร้างโลก ค่อยๆ บิ๊ว ค่อยๆ เล่า ไม่ใช่ทุกเรื่องนะครับ แต่หลายๆ เรื่องเป็นอย่างนี้ มันทำให้เรามีความเสี่ยงสูงในการลงทุน สำนักพิมพ์ใหญ่ๆ มองว่าถ้าลงทุนกับสืบสวนสอบสวนมันเซฟกว่าเยอะ ลงทุนกับหนังสือประเภทอื่นเนี่ยเซฟกว่า


คุณมองว่าแฟนตาซีไม่ใช่เรื่องของเด็ก

แฟนตาซีมันไม่ได้เป็นแค่ประเภทของนิยาย มันเป็นวิธีการเล่าเรื่องอีกแบบหนึ่งมากกว่า คุณจะเล่าเรื่องแบบไหนก็ได้ เล่าเรื่องของเด็กก็ได้ เรื่องของผู้ใหญ่ ให้ซีเรียสขนาดไหนก็ได้ ถ้าเราดู Game of Thrones เราก็ไม่ได้บอกว่ามันเป็นหนังสือเด็กถูกไหมฮะ มันไม่ใช่เลยคือแฟนตาซีของผู้ใหญ่เนี่ย มันก็ไม่ต่างจากหนังสือประเภทอื่น เราไปขีดเส้นมันเองให้มันเป็นเรื่องของเด็ก คนยังมีความเข้าใจผิดอยู่สำหรับในเมืองไทย แล้วด้วยที่ตลาดมันไม่มีหนังสือแฟนตาซีที่มันไม่ใช่หนังสือเด็กเนี่ย มันก็ทำให้เขาคิดแบบนั้นไปเรื่อยๆ เราต้องการจะเปลี่ยนตรงนั้น


หนังสือแบบไหนที่ Words Wonder เลือกพิมพ์

ผมดูว่าเรื่องไหนที่ผมประทับใจเป็นพิเศษ มันก็มีเรื่องอยู่ในใจ อย่างเช่น Dogsbody ดาวสุนัข ของ ไดอานา วินน์ โจนส์คนนี้เป็นตำนานอยู่แล้ว เขียนเรื่อง Howl’s Moving Castle แต่จริงๆ ทำไมคนไทยถึงรู้จักแต่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ผมก็ทำเรื่อง Dogsbody ออกมา

ผมอ่านหนังสือ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน เล่มแรกคือ Game of Thrones แล้วผมก็พบว่าเขาก็มีหนังสือเล่มเดี่ยวเขา มีเพื่อนผมแนะนำให้ผมอ่าน Fevre Dream แล้วผมชอบมันมาก ในเมืองนอกเนี่ยค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่ขึ้นหิ้งไปแล้วนะครับ จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน มีความสามารถในการที่เขียนหนังสือได้หลายแนว ไม่ได้เขียนแค่แฟนตาซีมหากาพย์ได้ แต่เขียนเป็นแนวสยองขวัญแบบนี้ก็ได้ด้วย เพราะฉะนั้นผมมองว่ามันดี แล้วจังหวะมันก็เหมาะสมเพราะความดังของเขา ก็เลยเอามาทำ

เล่มแรกของสำนักพิมพ์ผมก็เลือกจากนักเขียนที่ผมชอบก่อน คือนีล เกแมน แล้วตอนนั้นผมก็ติดตามเพจของเขาอยู่แล้ว แล้วพอดีตอนนั้นนีล เกแมน ก็โพสต์ในเพจของเขาว่าเรื่องใหม่ของเขาคือ The Ocean at the End of the Lane นะ ถ้าอย่างนั้นลองดู ลองถามดู ก็ได้ลิขสิทธิ์มาเป็นเล่มแรกของสำนักพิมพ์ในชื่อ มหาสมุทรที่สุดปลายถนน

ผมกล้าพูดว่านักเขียนของผมเป็นระดับโลกแทบทุกคนที่เราเอามาทำ เรายืนยันว่าตัวตนของเราคือ World Class Fantasy ซึ่งหาอ่านยากในประเทศไทย มันไม่ควรจะเกิดขึ้นถูกไหม ถ้าสมมติว่าหนังสือแฟนตาซีมันระดับโลกจริงๆ มันควรจะมีในไทย แต่มันไม่มี ผมก็เลยมาทำให้มันมี แค่นั้นเอง
02.jpg

แล้วเราได้ลิขสิทธิ์ของนักเขียนระดับโลก อย่าง จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ตินมาได้ยังไง

อย่าง สตาร์ดัสต์ ของนีล เกแมน มันเป็นเรื่องที่ตอนนั้นสำนักพิมพ์ใหญ่อยากจะทำ แล้วทางเอเจนซีก็มาถามผมก่อนว่าทำไหม เพราะผมพิมพ์ มหาสมุทรที่สุดปลายถนน มาก่อน ผมก็บอก ทำสิ ผมคิดว่าผมควรจะทำนีล เกแมนทุกเล่ม เมืองนอกเนี่ยอยากจะให้หนังสือของนักเขียนแต่ละคนเนี่ยไปอยู่ในมือของสำนักพิมพ์เดียว ส่วนมากจะเป็นอย่างนี้นะครับ แล้ว สตาร์ดัสต์ มันเคยเป็นหนังมาแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่คนรู้จักกันอยู่แล้ว ก็ลองทำ แล้วเราก็ได้คนวาดปกที่มีชื่อเสียงของเมืองไทย (ทรงศีล ทิวสมบุญ) เมืองนอกก็ชอบปก สตาร์ดัสต์ ของเรามาก ก็คิดว่าขายดี ตอนนี้ขายหมดแล้ว

การที่ผมมีเล่มแรกเป็นนีล เกแมน มันเปิดประตูให้เยอะมาก ผมไปบุ๊กแฟร์ต่างประเทศ คนเขารู้จักหนังสือที่เราเคยพิมพ์มา เขาจะดูว่าเราพิมพ์ดีไหม เราพิมพ์อะไรมาบ้าง ถ้าเขาเห็นนีล เกแมน เขาไม่คิดมากแล้ว เขาก็ให้เราพิมพ์ อย่างเช่น จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน เขาถามว่าผมเคยพิมพ์อะไรมาบ้าง ผมบอกผมเคยพิมพ์นีล เกแมน ผมเคยพิมพ์ แพทริก เนส(ผู้เขียน A Monster Calls ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน) ผมเคยพิมพ์ โจ อเบอร์ครอมบี ผมเคยพิมพ์ แบรนดอน แซนเดอร์สัน เป็นตัวท็อปของวงการหมดเลย เพราะฉะนั้นเขาก็ไม่คิดมากที่จะให้เรา


หลายคนก็เขียนนิยายยาวเป็นซีรีส์ มันไม่เสี่ยงไปเหรอที่สำนักพิมพ์ขนาดเล็กมาพิมพ์หนังสือชุดยาวแบบนี้

ผมบอกกับทุกคนที่เป็นแฟนเพจผมว่า เมื่อเราเริ่มเรื่องไหน เราทำจบทุกเรื่อง มีบางเรื่องที่ทำแล้วขาดทุน แต่เราทำให้จบ เพราะมันคือศักดิ์ศรี และมันคือการที่คนเขาจะไว้ใจเรา เมื่อเราออกเล่มหนึ่งมาแล้ว เราต้องออกถึงเล่มสุดท้ายให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ถ้าเราไม่เจ๊งไปซะก่อน

อย่างซีรีส์แรกที่เราทำเป็นซีรีส์ธริลเลอร์ (Monument 14) ขาดทุนค่อนข้างเยอะ แต่ผมออกให้จบ เพราะสำหรับผมแล้วนักอ่านที่ซื้อของเราไป เขาซื้อตั้งแต่เล่มแรกที่เขายังไม่เห็นว่าเราจะทำจบไหม เขามีความไว้วางใจในเรา เราไม่สามารถทรยศความไว้วางใจเขาได้ บางเล่มที่ขายไม่ดี เราก็ขาดทุนนะ แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำ สมมติคุณไปดูหนังแล้วหนังมันมีครึ่งเรื่อง มันก็ไม่ถูกต้อง ผมก็คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะฉะนั้นจะทำเรื่องอะไรก็ต้องตัดสินใจให้ดี แล้วก็ทำให้เสร็จ


จะรู้ได้ยังไงว่าตัดสินใจดีแล้ว บางเล่มดังในระดับโลก แต่พอมาในไทยกลับขายไม่ดี

เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมากครับในวงการหนังสือ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ต้องสร้างแบรนด์กัน สิ่งสำคัญคือ การทำคอนเทนต์ออกมาให้ดี เราทำหนังสือแล้วเขารู้สึกว่าได้รับอะไรจากหนังสือของเรา คราวหน้าเขารู้สึกว่าเขาสามารถเชื่อใจเราได้ ตอนแรกเรายังไม่ทำเล่มที่พิสดารมาก ยากมาก เราต้องการให้นักอ่านเข้าใจเรา เชื่อใจเราก่อน ว่าผมทำหนังสือออกมา คุณชอบใช่ไหม เชื่อผมอีกสักครั้ง เชื่อผมต่อไปเรื่อยๆ นะ อันนี้คือหนังสือของผม ถ้าหนังสือของผมมีคุณภาพดี คนอ่านชอบ เขาก็จะกลับมาอีก เขาก็จะเชื่อใจเราอีก

บางเล่มอย่าง สตาร์ดัสต์ ของนีล เกแมน มันก็เป็นเล่มที่อ่านไม่ยาก แล้วไม่หนามาก เมื่อเขาอ่านมาแล้ว เขาจะไปอ่านเล่มที่หนาขึ้นอย่าง อเมริกัน ก็อดส์ ได้ เพราะเขาเคยอ่านแล้วนี่ นีล เกแมน ฉันชอบ อ่านสนุก ก็ยกระดับขึ้นมาได้ จากที่ตอนแรกคุณจะมาอ่าน อเมริกัน ก็อดส์ หนาๆ เลย อาจจะไม่อ่าน ต้องค่อยๆ บิ๊ว ซึ่งไม่ใช่แค่นีล เกแมน หลายๆ คนเป็นแบบนั้นนะครับ อย่าง แบรนดอน แซนเดอร์สัน เราก็ออกเล่มที่เป็นซีรีส์สั้นๆ ก่อน ผมก็วางแผนไว้ว่าอยากจะทำซีรีส์ยาวของเขามากขึ้น มันคือการปูฐานครับ

03.jpg


อะไรคือคุณค่าของนิยายแฟนตาซีที่ทำให้ชอบได้ขนาดนั้น

แฟนตาซีเป็นการตั้งคำถาม สมมติว่า (what-if) ที่มันอาจจะตั้งไม่ได้ในโลกปกติ มันทำได้หลายแนว มันทำได้หลายแบบ คุณค่าของมันมีหลายอย่าง นอกจากการตั้งคำถามแล้ว ยังมีการที่เข้าไปอยู่ในเนื้อเรื่องได้ การที่ต้องสร้างกฎของโลกของมันขึ้นมาในแต่ละเรื่อง มันก็เป็นเสน่ห์ของแฟนตาซี

ผมยืนยันว่า แฟนตาซีเล่าเรื่องได้ทุกแนว อย่าง A Monster Calls พูดถึงเรื่องการยอมรับในสิ่งที่เราต้องยอมรับคือ การสูญเสีย ซึ่งถามว่าทำไมไม่เคยมีใครเล่าเรื่องนี้ให้เด็กฟังในเมืองไทย เรื่องการสูญเสียเราไม่อยากจะพูดให้เด็กฟัง หนังสือแบบนี้อาจจะมี แต่น้อย แต่นี่คือหนังสือแฟนตาซีที่พูดถึงเรื่องการสูญเสียได้ด้วย ผมว่ามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมนะครับ บางทีเราดูถูกเด็กเกินไป เขาสามารถรับรู้มันได้ ดีกว่าเราปิดบังเขา


แฟนตาซีมันไม่ใช่การหนีความเป็นจริงเหรอ

คนที่อยู่ในโลกแฟนตาซี เขาก็มีปัญหาเหมือนคนที่อยู่ในโลกปัจจุบัน การที่เราอ่านหนังสือนิยาย มันทำให้เรามี empathy คือการเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เรายิ่งอ่านมากขึ้น ยิ่งเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เป็นแบบนั้นมากกว่า ผมได้ยินคนพูดหลายครั้งว่า ‘ผมไม่ชอบอ่านแฟนตาซี ผมชอบอ่านวรรณกรรมมากกว่า’ อ้าว กำลังบอกว่าแฟนตาซีไม่ใช่วรรณกรรม ซึ่งผมไม่เคยเข้าใจเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าหนังสือดีก็คือหนังสือดี เขาอาจจะไม่เคยอ่านเท่านั้นเอง


ทุกวันนี้รู้สึกยังไงกับการมาทำสำนักพิมพ์แฟนตาซี

ผมแฮปปี้กับมัน อย่างงานแรกของผมทำธุรกิจที่บ้าน ผมรู้สึกว่าผมทำประโยชน์อะไรไม่ได้กับงานผม แต่งานนี้ผมได้ทำอะไรบางอย่าง มีคนอ่านหนังสือของผมแล้วได้รับอะไรบางอย่าง มันเป็นงานในฝันอย่างหนึ่งของเรา เพราะเราชอบอ่านมาตั้งแต่เล็ก แล้วเราก็รู้สึกว่าเราเอาเรื่องที่ถ้าเราไม่เอามาพิมพ์เขาจะไม่มีวันได้อ่าน มาให้กับหลายๆ คนได้อ่าน แล้วหลายๆ คนก็มีความสุขกับมัน มันก็รู้สึกว่าเรากำลังทำให้โลกนี้ดีขึ้นในแบบของเรา

am.jpg
  • American Gods อเมริกัน ก็อดส์

ขอสามเล่มที่บอกความเป็น Words Wonder

ส่วนมาก นีล เกแมน ไม่ชอบเขียนเล่มหนา แต่เล่มนี้เล่มหนาที่สุดในชีวิตของเขาแล้ว เป็นเรื่องที่ทำในเวอร์ชัน author’s preferred text ซึ่งเป็นเวอร์ชันพิเศษ คือตอนแรกมันหนามากแล้ว บรรณาธิการตัดไป เสร็จแล้วพอผ่านไปมันดังมาก ผ่านไป 10 ปี นีล เกแมน เขาเอามาอีดิตใหม่ แล้วก็ใส่บางส่วนที่เขาคิดว่าน่าจะใส่เข้าไป มีทั้งบทสัมภาษณ์ มีทั้งฉากที่ถูกตัดทิ้งด้วย

อเมริกัน ก็อดส์ เป็นเรื่องของความเชื่อ สิ่งที่คุณเชื่อมันคือ เทพเจ้าของคุณ สิ่งที่คุณบูชามันคือ เทพเจ้าของคุณ เนื้อเรื่องที่พยายามจะบอกคือ อเมริกาเป็นประเทศที่มีคนหลายคนหลายชาติไปอยู่ มีความเชื่อหลากหลาย มีเทพเจ้าไปอยู่เยอะมาก คนญี่ปุ่นก็มีเทพเจ้าญี่ปุ่น เขาก็มีความเชื่อของเขา คนยุโรปก็มีความเชื่อของเขา คนจีนก็มีความเชื่อของจีน ยิ่งในอเมริกาคนหลายชาติไปอยู่ก็ยิ่งมีความเชื่อเยอะ เกิดเป็นเทพเจ้ามากมายอยู่ในอเมริกา แต่พอเวลาผ่านไป คนสนใจสิ่งเหล่านั้นน้อยลง คนอเมริกาไม่ได้บูชาเทพเจ้า คนอเมริกาใช้เวลากับทีวี กับอินเทอร์เน็ต กับการช็อปปิง ทำให้เกิดเทพเจ้ายุคใหม่ขึ้นมา มันคือการปะทะกันระหว่างเทพเจ้าสองยุค

mon.jpg
  • A Monster Calls ผู้มาเยือนหลังเที่ยงคืน
ผมเคยจัดงานสัมมนาเรื่อง A Monster Calls แล้วมีนักอ่านบางท่านมาบอกว่า คุณหมอที่เป็นจิตแพทย์แนะนำให้เขาอ่าน เพราะเขาเป็นโรคซึมเศร้า มันทำให้เขาพ้นจากโรคนั้นได้ หนังสือมันรักษาจิตใจของคนได้ ผมก็ภูมิใจ

A Monster Calls เป็นเรื่องของเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ คอเนอร์ แม่ป่วย แล้วพอแม่ป่วย ทุกคนที่โรงเรียนก็จะปฏิบัติกับเขาไม่เหมือนเดิม เขาทำผิดก็ไม่โดนลงโทษเท่าไร เพราะแม่ป่วย แต่จริงๆ เด็กเขาอยากได้อย่างนั้นไหม เขาอยากให้คนทำกับเขาไม่เหมือนคนอื่นไหม ทำให้เขาดูเป็นคนแปลกแยก เขาคงไม่อยากได้ แต่วันหนึ่งมีปีศาจมาหาเขาหลังเที่ยงคืน ปีศาจบอกว่าจะเล่าเรื่องให้คอเนอร์ฟังสามเรื่อง แล้วพอสามเรื่องเล่าจบแล้ว คอเนอร์ต้องเล่าความจริงให้ปีศาจฟัง ก็มีปริศนาว่า เอ๊ะ ความจริงคืออะไร แล้วทำไมต้องเล่าเรื่อง แล้วเรื่องเกี่ยวกับอะไร มันก็เป็นเนื้อเรื่องแล้วมีนิทานอยู่ในนั้นอีกทีด้วยครับ เป็นหนังสือภาพเล่มแรกของเรานะครับ เราทำด้วยกระดาษอาร์ตทั้งหมด

lies.jpg
  • The Lies of Locke Lamora คำลวงของล็อก ลาโมรา

อันนี้มันสะท้อนตัวตนของสำนักพิมพ์ เพราะเราจะทำแฟนตาซีผู้ใหญ่ มันก็เป็นหนังสือชุด เป็นซีรีส์ โดยเฉพาะเล่มแรก เป็นเล่มที่สะเทือนวงการมาก ตอนที่ออกมา สก็อต ลินช์ เพิ่งเขียนนิยายเล่มนี้เป็นเล่มแรก แต่ทำให้เขาขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการแฟนตาซีเลย

หนังสือชุด Gentleman Bastard สุภาพบุรุษโจร เป็นเรื่องของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ถูกเลี้ยงดูให้มาเป็นจอมโจรในโลกแฟนตาซี ซึ่งฟังดูเหมือนนิยายเด็ก แต่จริงๆ มันเป็นนิยายผู้ใหญ่ เพราะเขาอยู่ในโลกของมาเฟีย มีมาเฟียคุมเมืองเขาอยู่ ล็อก ลาโมรา ที่อยู่ในเมือง จากฉากหน้าเป็นโจรกระจอก จริงๆ แล้วเป็นสุดยอดจอมโจร มันเหมือนกับเอา Pirates of the Caribbean กับ Ocean's Eleven มาอยู่ในเรื่องเดียวกัน

On Being
198Article
0Video
0Blog