ไม่พบผลการค้นหา
"จุรินทร์" จัดหน้ากากอนามัยบริหารรวมศูนย์ ส่ง สธ.กระจาย โรงพยาบาลวันละ 7 แสนชิ้น ที่เหลือวันละ 5 แสนชิ้นกระจายสู่ร้านธงฟ้า สนามบิน สายการบิน ให้ถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยง

วันที่ 5 มี.ค. 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร) กล่าวว่า วานนี้ (4 มี.ค.) กรรมการเชิญผู้แทนของโรงงานหน้ากากอนามัย และ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้เป็นกรรมการเข้ามาหารือด้วย

โดยได้ข้อสรุปดังนี้ คือ ภาพรวมของการผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศ โดยหน้ากากที่เป็นที่ต้องการอยู่ขณะนี้คือหน้ากากสีเขียว มีโรงงานที่ผลิตได้ 11 โรง มีกำลังการผลิตเดือนละ 36 ล้านชิ้น หรือ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกันกรมการค้าภายใน ได้แบ่งหน้ากาก 600,000 ชิ้น จากโรงงานผู้ผลิตมาบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นกระจายออกตลาดโดยโรงงานผู้ผลิตเอง ซึ่งอาจจะทำให้ราคาแตกต่างกันในตลาด

"แต่ว่านับจากนี้ไปหน้ากากที่ผลิตได้จากโรงงานทั้งหมดจะถูกนำมาบริหารโดยศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย ตามมติ ครม.และคำสั่ง กกร.โดยมีกระทรวงสาธารณสุขบริหารร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ โดยมีตัวแทนคือ รองเลขาฯอย. องค์การเภสัชกรรม และผู้แทนจากโรงพยาบาลต่างๆ ศูนย์จึงมีหน้าที่บริหารจัดการหน้ากากทั้ง 1.2 ล้านชิ้นให้กระจายไปยังภาคส่าวนต่างๆ" นายจุรินทร์ กล่าว

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมกันสรุปว่าจะจัดสรรให้กระทรวงสาธารณสุข 700,000 ชิ้นโดยให้กระจายไปยังสถานพยาบาลทั้งหมดทั้งประเทศ ส่วนที่เหลือประมาณ 500,000 ชิ้น จะกระจายไปยังกลุ่มเสี่ยงอื่น รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคน เช่น ร้านขายยา หรือสายการบิน เช่น การบินไทย ร้านค้าส่งค้าปลีกต่างๆ รวมทั้งร้านธงฟ้า และอื่นๆ เป็นต้น โดยศูนย์กระจายหน้ากากอนามัยจะบริหารจัดการหน้ากาการ่วมกันทุกวัน เพื่อตรวจสอบการกระจายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดย 700,000 ชิ้นแรกจะเร่งไปเติมสต็อกที่ขาดไปของโรงพยาบาลก่อน และจากนั้นจะได้บริหารจัดการอีกที ซึ่ง ครม. มีความเห็นชอบแล้วที่จะให้ขายหน้ากากอนายมัยที่ราคา 2.50 บาท โดยต้นทุนส่วนเกินรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระเอง

สำหรับหน้ากากนำเข้าจะมี 2 ส่วน ส่วนแรก คือ หน้ากากอนามัยที่มีสีเขียว ที่เราใช้อยู่ขณะนี้ ซึ่งจะมีอยู่ไม่มากนัก และหน้ากากทางเลือกที่จะมีรูปทรงแตกต่างกันไป สำหรับหน้ากากทางเลือกนี้ กกร. มีความเห็นว่าราคาขายปลีกนั้นไม่ควรจะเกินไปกว่าร้อยละ 60 ของต้นทุนนำเข้า ซึ่งร้อยละ 60 นี้จะรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมด เช่น ต้นทุนบริหาร ค่าขนส่ง และค่าตอบแทนต่างๆ นี่เป็นตัวแรกโดยประมาณ โดยผู้นำเข้าจะต้องแสดงต้นทุนนำเข้าว่าเป็นเท่าไหร่ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่

สำหรับหน้ากากที่ผลิตโดยโรงงานทั้ง 11 โรงงาน ที่ยังคงมีเหลือในประเทศ ที่ขายในราคาแตกต่างกันไป จะให้เวลาผู้ประกอบการ 3 วันในการเคลียร์สต็อก จากวันจันทร์ที่ 9 มี.ค. เป็นต้นไป จะต้องจำหน่ายในราคา 2.50 บาทต่อชิ้น ข้อกำหนดข้างต้นนี้ไม่รวมหน้ากากผ้า ที่ ครม.มีมติจัดสรรงบให้ 225 ล้านบาทเพื่อการผลิตโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน้ากากผ้าชนิดอื่นๆ ที่จะถูกผลิตในอนาคต ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองแล้วว่ากันเชื้อโรคได้

ส่วนการส่งออก ขอแจ้งว่าจะไม่มีการอนุมติให้มีการส่งออกโดยเด็ดขาด เนื่องจากหน้ากากที่ผลิตได้ในประเทศทั้ง 36 ล้านชิ้น ก็ไม่เพียงพอกับการใช้ในประเทศอยู่แล้ว แต่หากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาไทยมีหน้ากากเพียงพอ เนื่องจากความต้องการยังไม่สูงขนาดนี้ และช่วงบ่ายนี้เวลา 13.30 น.กรมการค้าภายในจะจัดรถโมบายออกไปจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพ็กละ 4 ชิ้น จำนวนรวม 111 คัน สำหรับ กทม. มี 21 คัน สำหรับต่างจังหวัด 90 คัน โดยมุ่งเน้นชุมชนเมือง โดยในรถโมบายจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นอื่นๆ นำไปขายประชาชนด้วย เนื่องจากสินค้าเหล่านั้นอาจจะมีแนวโน้มขาดแคลน และจากนี้จะมีการประชุมคณะทำงานทุกวัน เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง

เนื่องจากหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ผู้ที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ จะถูกดำเนินคดีในการกักตุน ได้แก่ 1. เก็บสินค้าไว้ที่อื่นนอกเหนือจากที่แจ้งเจ้าหน้าที่ 2. ไม่นำหน้ากากที่มีอยู่ออกมาจำหน่าย 3. ปฏิเสธการจำหน่าย 4. ประวิงการจำหน่าย 5. ส่งมอบหน้ากากอนามัยโดยที่ไม่มีเหตุผลสมควร


โดยกักตุนหรือขายที่ราคาสูงเกินสมควรที่มีเจตนาจะสร้างความปั่นป่วน (ผิดตามมาตรา 29) มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท ปริมาณการครอบครองสูงสุดยังไม่มีการกำหนด เนื่องจากจะเกรงว่าจะกระทบกับคนทั่วไป ที่จำเป็นต้องเก็บหน้ากากอนามัยไว้สำหรับปฏิบัติภารกิจ เช่น สถานพยาบาล ซึ่งหากสถานกาณ์เปลี่ยนแปลงก็จะมีการเปลี่ยนคำสั่งอีก ทั้งนี้ ผู้ขายเกินราคา (แต่ไม่เกินสมควร) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

สำหรับสถานพยาบาลจะถือว่าเป็นผู้ที่จะได้รับการจัดสรรเป็นลำดับต้น โดยกระทรวงสาธารณุขจะเป็นผู้บริหารจัดการให้กระจายไปให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยไม่ให้มีสถานพยาบาลใดตกหล่น

นอกจากนี้ การประกาศ กกร.วันนี้จะมี 3 ฉบับ ฉบับแรก คือ ประกาศราคาขายปลีกสูงสุดของหน้ากากอนามัย ฉบับที่สอง คือ ประกาศวิธีคิดต้นทุนในการกำหนดราคาขายหน้ากากนำเข้า และประกาศที่สามเรื่องเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งการปรับราคาต้องขออนุญาตก่อน และ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งคนประจำโรงงานทั้ง 11 โรงแล้ว รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปประจำแต่ละโรงงานด้วย เพื่อรายงานจำนวนผลผลิตจริง และจัดการการกระจายสินค้าไปยังส่วนอื่นๆ และสำหรับการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตหน้ากากอนามัย มีแนวโน้มนำเข้าได้ยากขึ้น แต่ยังพอเป็นไปได้คือจากอินโดนีเซียแต่ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ช่วยประสาน เพื่อหาแหล่งผลิตวัตถุดิบแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :