ไม่พบผลการค้นหา
"ไพบูลย์" เมินกระแสโซเชียล ต่อต้าน "ปารีณา - สิระ" ชี้ทั้งคู่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ติง "เสรีพิศุทธ์" ใช้ กมธ. ป.ป.ช. เล่นการเมือง ไม่ฟังเสียงข้างมาก ต้องปลดจากประธาน กมธ.

นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงเหตุความวุ่นวายในห้องประชุมกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวานนี้ (16 ม.ค.2563) โดยเห็นว่าพฤติกรรมของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ในฐานะประธานกรรมาธิการ มุ่งเล่นงาน น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และนายสิระ เจนจาคะ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ อย่างเอาเป็นเอาตาย

ขณะที่เรื่องของตัวประธานเองถูกร้องเรียน โดยเฉพาะเรื่องของการทุจริตต่างๆ กลับไม่ยอมบรรจุเรื่องดังกล่าวเป็นวาระการประชุม โดยพยายามป่วน ใช้อำนาจของประธาน กมธ. ซึ่งจะเห็นได้จากการที่ยุติการดำเนินการ กรณีนางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ หลังถูกนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของกรรมการ ป.ป.ช. แต่ในกรณีของนางสาวปารีณา กลับใช้กรรมาธิการตรวจสอบต่อทั้งที่เรื่องเข้าสู่ ป.ป.ช. แล้วเช่นกัน ถือว่าเป็นการนำกรรมาธิการไปเล่นการเมือง จึงทำให้เกิดความวุ่นวาย

นายไพบูลย์ ยังชี้แจงกรณีที่ น.ส.ปารีณาและนายสิระ ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อได้รับมอบหมาย ภารกิจกลับไม่ปฏิบัติตามว่า ส่วนตัวยืนยันว่า น.ส.ปารีณา และนายสิระก็รับงานมาทำ พร้อมถามกลับ ถึงการที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นำเรื่องที่ไม่สมควรมาพิจารณาในที่ประชุมกรรมาธิการ หลายเรื่องโดยไม่มีการบริหารจัดการใดๆ ทั้งสิ้น เป็นการไม่คำนึงถึงกรรมาธิการคนอื่นๆ 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะทำงานด้วยกันในกรรมาธิการได้หรือไม่ นายไพบูลย์ตอบว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไม่ฟังมติเสียงข้างมาก จึงไม่มีทางเลือกอย่างอื่น ที่จะเสนอปลดพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ออกจากตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีกระแสต่อต้านในโลกโซเชียลหลังราชกิจจานุเบกษาประกาศให้น.ส.ปารีณาและนายสิระ ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการ ป.ป.ช. นายไพบูลย์มองว่า เมื่อเป็นกรรมาธิการก็จะถูกประกาศลงในราชกิจจาฯ ยอมรับว่าทั้งสองคนมีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและไม่ชื่นชอบ เช่นเดียวกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ที่มีทั้งผู้ที่ชื่นชอบและผู้ไม่ชอบ

เมื่อมีกระแสเช่นนี้ ก็จะนำไปเรียกร้องต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เหมือนกันหรือไม่ ขณะนี้ก็มีเสียงต่อว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์มากมายแต่ทำไมไม่ไปดำเนินการ ดังนั้นจะต้องแยกให้ออก ว่าการประกาศบนราชกิจจาฯ นั้นเป็นไปตามกระบวนการ

ทั้งนี้ ความเห็นบนโลกโซเชียลก็ยินดีรับฟัง ย้ำว่าทุกคนนั้นก็ผ่านกระบวนการเลือกตั้งมา ไม่ได้เลือกมาจากโลกโซเชียล ซึ่งเป็นฝ่ายใดก็ไม่รู้ ถ้าฟังโซเชียล ก็ไม่ต้องมีการเลือกตั้งก็ได้ ใช้โซเชียลเลยดีหรือไม่ เพราะสังคมที่อยู่นั้นมีรัฐธรรมนูญ มีประชาชนที่เลือกโดยตรง ถ้าประชาชนที่ไม่ได้ใช้โซเชียลมีเดียจะไม่มีสิทธิมีเสียงเลยหรือ พร้อมย้ำว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจำเป็นจะต้องมีการแก้ไขโดยใช้ข้อบังคับและกฎหมาย แต่ส่วนใดที่อยู่นอกเหนือจากอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร ก็จะสามารถใช้กระบวนการยุติธรรม ได้ทุกฝ่าย ใครจะฟ้องร้องกันก็ได้ แต่อย่านำกรรมาธิการมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง เพราะจะทำให้สภาผู้แทนราษฎรเสียชื่อเสียง

ทั้งนี้ ไม่คาดหวังว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะปรับเปลี่ยนท่าทีและพฤติกรรมในการทำงาน เพราะตนไม่เคยทักท้วงไปแล้วหลายครั้ง ที่ผ่านมาคุยด้วยที่ผ่านมาก็คุยกันด้วยเหตุผลตลอด เชื่อว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ไม่รับฟัง จึงไม่รู้จะหาวิธีใด นอกจากใช้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรมาพลเอกเสรีพิศุทธ์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :