ไม่พบผลการค้นหา
รมว.พาณิชย์ ร่วมหารือเอกชน เกษตรกร ติดตามสถานการณ์ค้าข้าวไทยทั้งในและต่างประเทศ ตั้งเป้าส่งออก 7.5 ล้านตัน ยืนยันข้าวในประเทศไม่ขาดแคลน

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมหารือ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร เพื่อติดตามสถานการณ์การค้าข้าว ทั้งในและต่างประเทศ ที่บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี พร้อมกันนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ยังได้เยี่ยมชมขั้นตอนการบรรจุถุงข้าวสาร การเตรียมส่งมอบข้าวสารลงเรือ เพื่อส่งออกไปต่างประเทศ 

ด้านนายจุรินทร์ เผยว่า ผลผลิตข้าวในฤดูการผลิตปี 62/ 63 จะมีปริมาณข้าวสารประมาณ 18 ล้านตัน หรือประมาณ 18.8 ล้านตัน และผู้ส่งออกได้มีการตั้งเป้าหมายว่าจะมีการส่งออกในปี 2563 นี้ประมาณ 7.5 ล้านตัน รวมทั้งได้ประเมินตัวเลขการบริโภคและการแปรรูปภายในประมาณ 8 ล้านตัน

สำหรับราคาข้าวเปลือกตัวเลขที่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวได้แจ้งให้ทราบว่าสำหรับราคาข้าวสดในช่วงนี้อยู่ที่ 9,500 บาทต่อตัน สำหรับตัวเลขข้าวแห้งที่ความชื้นมาตรฐาน 15 เปอร์เซ็นต์ อยู่ที่ราคา 10,200 บาทถึง 11,000 บาทต่อตัน ซึ่งถือเป็นราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ตรงกันกับตัวเลขที่เกษตรกรได้รายงาน สำหรับสถานการณ์ข้าวถุงขณะนี้ได้มีผู้ประกอบการข้าวถุงเข้าร่วมโครงการพาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน ซึ่งได้มีการปรับลดราคาข้าวถุงลงมาในช่วงราคา ตั้งแต่ 8 - 30.5 เปอร์เซ็นต์

สานพานข้าว

สำหรับการส่งออกได้มีการดำเนินการร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์กับสมาคมผู้ส่งออกข้าวของประเทศไทยซึ่งสมาคมผู้ส่งออกได้ ตั้งเป้าหมายว่าจะส่งออกให้ได้ปีนี้ 7.5 ล้านตัน โดยได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศประสานงานกับผู้ส่งออกโดยใกล้ชิดให้มีการรายงานตัวเลขการส่งออกทุกวัน รวมทั้งให้มีการจัดทำแผนร่วมกันกับผู้ส่งออก เพื่อที่จะให้การส่งออกข้าวมีการกระจายตัวไปในแต่ละช่วงเวลา ไม่ให้ไปกระจุกตัวอยู่ในช่วงใดช่วงหนึ่ง เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศและกระทบต่อราคาข้าวสารสำหรับผู้บริโภคได้ ซึ่งผู้ส่งออกได้มีการจัดทำแผนร่วมกันในการที่จะให้การส่งออกข้าวแต่ละไตรมาสมีการกระจายตัว และกำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนว่าไตรมาสหนึ่งควรจะออกปริมาณเท่าใด ซึ่งสมาคมจะแจ้งให้ทราบ 

นอกจากนั้นได้มีการกำหนดแผนงานร่วมกันระหว่างกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงพาณิชย์ เกษตรกรฯ โรงสี และผู้ส่งออกข้าวที่ต้องการที่จะให้ประเทศไทยได้ผลิตข้าวในพันธุ์ที่เป็นความต้องการของตลาดโลกเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะโดยใช้หลักของการตลาดนำการผลิตซึ่งได้มีการจัดทำแผนร่วมกันระหว่างกรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และเกษตรกร ผู้ผลิตข้าว โรงสี และสมาคมผู้ส่งออกข้าว

สำหรับการตลาดนั้นกระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกในการที่จะเดินหน้ารักษาตลาดข้าวเดิมที่มีอยู่ และการเปิดตลาดใหม่เพิ่มขึ้น รวมทั้งการฟื้นตลาดเก่าที่ได้เสียไป เช่น ตลาดอิรัก แต่เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ในอิรักยังไม่ปกติรวมทั้งสถานการณ์โควิดแทรกเข้ามาจึงทำให้แผนงานนี้ต้องหยุดชะงักไปชั่วคราวแต่เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติ กระทรวงพาณิชย์ก็จะร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยในการที่จะเดินหน้าตลาดข้าวไทยในตลาดโลกต่อไปอย่างเป็นรูปธรรม

กระทรวงพาณิชย์ ยังมีนโยบายในการส่งเสริมตลาดต่างประเทศในส่วนของสินค้านวัตกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแปรรูปข้าวไปเป็นอาหารขบเคี้ยวอาหารในหลากหลายรูปแบบแม้กระทั่งการนำไปทำเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายที่จะส่งเสริมในเรื่องนี้ เพื่อที่จะไปช่วยเปิดตลาดในต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ดำเนินการต่อเนื่องมาโดยลำดับและถือว่าตลาดนี้ก็เป็นตลาดที่มีศักยภาพตลาดหนึ่งของประเทศไทย รวมทั้งในส่วนที่ต้องการให้สหกรณ์ผู้ปลูกข้าว วิสาหกิจชุมชนที่มีศักยภาพ และพร้อมที่จะขายข้าวบนตลาดออนไลน์ได้มีโอกาสที่จะเข้ามาร่วมในการค้าข้าวบนตลาดออนไลน์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งมีโครงการที่จะอบรมและทำการตลาดร่วมกัน

พร้อมกันนี้ ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ของไทยทั่วโลกได้ติดตามสถานการณ์ข้าวในโลกอย่างใกล้ชิดทั้งในประเทศผู้ผลิตและประเทศผู้ส่งออกข้าวที่เป็นคู่แข่งกับไทย และให้ประเมินสถานการณ์รายงานมายังกระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามสถานการณ์ตลาดข้าวโลกร่วมกับสมาคมส่งออกข้าวไทยโดยใกล้ชิดตลอดระยะเวลา

นายจุรินทร์ ยังได้ขอบคุณผู้ประกอบการหลายรายที่มาร่วมโครงการ “พาณิชย์ลดราคาช่วยประชาชน” ที่ได้ลดราคาข้าวถุงลงมาแล้วหลายยี่ห้อ รวมทั้งอาจจะมีล็อตที่ 2 ตามมาด้วยเร็ว ๆ นี้ ซึ่งจะแถลงให้ทราบต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายที่จะสร้างประโยชน์สูงสุดให้เกิดกับประเทศโดยรวม อย่างไรก็ตามสำหรับสถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในประเทศนั้น หากราคาข้าวตกลงมาไม่ถึงรายได้ที่ประกันไว้ ขอเรียนว่านโยบายประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวก็ยังคงอยู่และยังสามารถดำเนินการจ่ายเงินส่วนต่างเข้าบัญชีโดยตรงของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว

ส่วน ร. ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าปี 2563 คาดการณ์ไว้ว่าจะมีการส่งออกข้าว 7,500,000 ตัน และก็จะแบ่งออกเป็นไตรมาส โดยไตรมาสแรกควรส่งออกได้ประมาณ 1,800,000 ตันแต่ตัวเลขที่ออกมาจริงๆ คือ 1,500,000 ตัน คือสถานการณ์ของตลาดโลก มีการเปลี่ยนแปลงไปโดยเวียดนามขายข้าวออกมาถูกมากในช่วงไตรมาสแรก แต่ปัญหาเรื่องโควิดทำให้เวียดนามมีการชะลอการส่งออก และอินเดียก็มีปัญหาเรื่องการขนส่งเพราะมีการล็อคดาวน์ประเทศ 30 วัน การขนส่งทางน้ำมีปัญหามากส่งออกได้ทางคอนเทนเนอร์ไม่มาก เราต้องระมัดระวังตัวเลขในการส่งออกไม่ให้สินค้าในประเทศของเราขาดแคลนด้วย 

ร.ต.ท.เจริญ กล่าวว่า ซึ่งกำหนดไว้ว่าไตรมาสที่สองจะส่งออกประมาณ 2,000,000 ตัน เพื่อไม่ให้กระทบกระเทือนกับความต้องการภายในประเทศ และไตรมาสที่สามตั้งตัวเลขไว้ที่ 2,000,000 ตันและไตรมาสที่สี่อีก 2,000,000 ตันตลอดทั้งปีประมาณ 7,500,000 ตัน ซึ่งอาจจะมีตัวเลขขยับเล็กน้อย โดยยืนยันว่าข้าวภายในประเทศจะไม่ขาดแคลน และเชื่อว่าปีนี้ราคาข้าวเปลือกชาวนาได้ประโยชน์เต็มๆ เพราะช่วงนี้ข้าวเปลือกขายได้ในราคา 9,000 กว่าบาท เป็นราคาสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เราจะบริหารจัดการให้การส่งออกของเราอยู่ในระดับที่ชาวนามีความพอใจ และไม่ขาดแคลนภายในประเทศ

ส่วนนายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย ได้ขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ทำนโยบายประกันรายได้ให้กับชาวนา ทำให้ชาวนาได้รับราคาข้าวที่เป็นธรรม และสูง เป็นที่พอใจของเกษตรกรชาวนามาก ตั้งแต่มีนโยบายประกันรายได้ ชาวนาได้รับราคาที่สูงสุดในรอบ 10 ปี ที่ชาวนาไทยได้ในราคาสูงขนาดนี้ จากสมัยก่อนราคาข้าวสูงสุดอยู่ที่ 6,000 7,000 แต่วันนี้ได้ราคา 9,500-9,700 บาท/ตัน