สิงคโปร์เป็นเพียงไม่กี่ประเทศที่จัดการเลือกตั้งในช่วงการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 หลังจากก่อนหน้านี้เกาหลีใต้และเซอร์เบียได้จัดการเลือกตั้งไปเมื่อเดือนเม.ย. และมิ.ย. ตามลำดับ

คณะกรรมการเลือกตั้งของสิงคโปร์ได้วางมาตรการด้านสุขอนามัยเข้มงวด โดยให้ผู้สูงวัยที่อายุ 65 ปี ขึ้นไปออกไปใช้สิทธิลงคะแนนช่วงเวลา 8.00-12.00 น. เพื่อลดการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ที่อายุน้อยกว่า และให้คนหนุ่มสาวที่ไม่ต้องพาผู้สูงวัยในครอบครัวออกไปใช้สิทธิมาลงคะแนนหลัง 12.00 น. พร้อมใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้ง 2.65 ล้านคน ต้องสวมหน้ากากอนามัย รวมถึงต้องถูกวัดอุณหภูมิร่างกาย ล้างมือและสวมถุงมือใช้แล้วทิ้งก่อนรับบัตรลงคะแนนและเข้าคูหา

ขณะเดียวกัน ก็ยังมีทีมหน่วยเลือกตั้งเคลื่อนที่นำหีบบัตรลงคะแนนไปให้ประชาชนที่เพิ่งเดินทางกลับจากต่างประเทศและอยู่ระหว่างกักตัวในโรงแรม รวมถึงยังมีการเพิ่มหน่วยลงคะแนนจาก 880 หน่วยเป็น 1,100 หน่วย เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการออกมาลงคะแนนช่วงไวรัสระบาด ซึ่งจะทำให้แต่ละหน่วยรับผู้ลงคะแนนได้เฉลี่ย 2,400 คน ลดลงมาจาก 3,000 คน

คาดการณ์ว่าพรรคกิจประชาชน หรือ พีเอพี ซึ่งปกครองประเทศมาตั้งแต่ได้รับเอกราชจะยังคงคว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรี 'ลีเซียนลุง' ดำรงตำแหน่งผู้นำสิงคโปร์ได้อีกหนึ่งสมัย โดยนายลีเซียนลุงซึ่งเป็นบุตรชายของ 'ลีกวนยู' บิดาผู้ก่อตั้งประเทศ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2547 แต่ก็ได้ส่งสัญญาณแล้วว่าสมัยที่จะถึงนี้อาจเป็นการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยสุดท้ายของเขา 

ในขณะที่ผลการเลือกตั้งไม่น่าจะพลิกโผ การเลือกตั้งทั่วไปในสิงคโปร์จึงมักถูกจับตามองแม้กระทั่งความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในการทำผลงานของพรรคพีเอพี รายงานระบุว่าในช่วงเวลานี้การรับมือโรคระบาดของรัฐบาลและภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ส่อเค้ารออยู่น่าจะเป็นประเด็นหลักที่ประชาชนให้ความสำคัญ โดยในช่วงเริ่มแรกที่มีการระบาดของโควิด-19 สิงคโปร์ได้รับเสียงชื่นชมในการควบคุมไวรัส จนกระทั่งพบผู้ติดเชื้อแบบกลุ่มก้อนในกลุ่มแรงงานข้ามชาติที่ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง โดยเว็บไซต์ worldometers รายงานว่ายอดผู้ติดเชื้อสะสมล่าสุดของสิงคโปร์อยู่ที่ 45,423 ราย

อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตในสิงคโปร์อยู่ในระดับต่ำ จนถึงตอนนี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 26 ราย และในผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ก็มีที่มาจากภายในชุมชนแรงงานข้ามชาติที่อาศัยอยู่ตามหอพักต่างๆ โดยหลังรัฐบาลได้สั่งล็อกดาวน์เข้มงวดหลายสัปดาห์ก็ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการต่างๆ นับตั้งแต่เดือนมิ.ย. และมีการพบผู้ติดเชื้อในหมู่ประชากรท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย 

อ้างอิง BBC / The Straits Times