ไม่พบผลการค้นหา
พนักงานบริการในด้านต่างๆ ยอมรับ "มีความกังวลอย่างมาก" เนื่องจากสภาพการทำงานต้องอยู่กับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง อีกทั้งสภาพแวดล้อมไม่เอื้อให้ป้องกันตัวเองได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 n-CoV นับพันราย และผู้เสียชีวิตอีกอย่างน้อย 50 คน สร้างความกังวลไปทั่วโลกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดครั้งนี้ หลายประเทศมีมาตรการตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มข้นขึ้น ขณะที่อีกหลายสนามบินประกาศส่งนักท่องเที่ยวจากจีนกลับประเทศ หรือแม้แต่เขตบริหารพิเศษฮ่องกงที่ยกระดับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดด้วยการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินแล้ว

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางคำแนะนำให้ประชาชนป้องกันตัวเองและหลีกเลี่ยงหรือออกจากผู้ที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ‘พนักงานบริการ’ กลับเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ไม่สามารถพาตัวเองออกมาจากภาวะเสี่ยงได้ ล่าสุดทีมข่าววอยซ์ออนไลน์สัมภาษณ์พิเศษพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินและพนักงานต้อนรับประจำโรงแรม เพื่อสะท้อนความกังวลและความตึงเครียดในการทำงานของพวกเขา

‘สุวรรณี เกิดสนอง’ เจ้าหน้าที่ต้อนรับแขกประจำโรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สะท้อนความกังวลใจค่อนข้างมาก เนื่องจากด้วยตำแหน่งและทักษะทางภาษาของเธอ ทำให้ต้องทำงานใกล้ชิดกับนักท่องเที่ยวชาวจีน ประกอบกับแขกที่มาเข้าพักตั้งแต่ช่วงวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา คิดเป็นสัดส่วนชาวจีนถึงร้อยละ 80–85 แต่เป็นการจองแบบครอบครัวมากกว่าแบบกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่

เธอกล่าวต่อว่า แม้โรงแรมจะมีนโยบายคัดกรองคนไข้ แต่ก็ทำได้แค่จากสายตาเท่านั้น อีกทั้งการตรวจสอบหนังสือเดินทางก็ไม่สามารถรถระบุได้ว่าแขกมาจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยงหรือไม่

ในฝั่งของพนักงาน ทุกคนไม่มีสิทธิเลือกปฏิบัติกับแขกที่มาพัก เพราะยังต้องเคารพในอาชีพผู้ให้บริการอยู่ แต่จะมีการเว้นระยะห่าง และเข้มงวดกับการสื่อสารด้วยท่าทางหรือร่างกายมากขึ้น



AFP ไวรัสโคโรนา อู่ฮั่น หน้ากากกันเชื้อโรค Corona virus Wuhan จีน China surgical mask


“บางครั้งพอเห็นคนจีนแล้ว ใจบริการของเรามันน้อยลง แต่เราต้องมีใจบริการเอาไว้อยู่ดี” สุวรรณี กล่าว


ทุกวันนี้ ทั้งเธอและเพื่อนพนักงานมีความเครียดสูงที่จะต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง เธอเปิดใจว่า บางครั้งก็เป็นเรื่องยากที่จะให้บริการโดยปราศจากความกลัวที่ซ่อนเอาไว้ ขณะที่นโยบายการดูแลความปลอดภัยของโรงแรม เน้นไปที่การให้ความรู้เรื่องการรักษาความสะอาด เช่น เตรียมแอลกอฮอล์ล้างมือและหน้ากากอนามัยไว้ให้พนักงาน แต่ไม่ได้บังคับว่าทุกคนต้องใส่หรือไม่ใส่ ขณะที่ถ้ามีพนักงานคนไหนรู้สึกไม่สบายก็จะให้กลับบ้านทันที

ฝั่งพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ทั้ง ‘ชยาภา เอี่ยมจำนงค์’ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินหนึ่งแถบตะวันออกกลาง และ ‘นิภาพร มากสวาสดิ์’ พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสายการบินหนึ่งแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พูดไปในเสียงเดียวกันว่า ด้วยสภาพแวดล้อมการทำงานที่ต้องเจอผู้โดยสารเยอะ ประกอบกับการทำงานบนสถานที่ที่มีระดับความสูงเกิน 20,000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ทำให้การป้องกันตัวเองทำได้ยากขึ้น

สำหรับ 'ชยาภา' สายการบินของเธอยังไม่อนุญาตให้ลูกเรือสวมใส่หน้ากากอนามัย เนื่องจากยังมองเรื่องของภาพลักษณ์ แต่เธอบอกว่า ขณะนี้เริ่มมีการเรียกร้องจากฝั่งลูกเรือให้สายการบินอนุญาตให้สามารถสวมใส่หน้ากากอนามัยได้ แต่ยังไม่ทราบข้อสรุป ขณะที่ฝั่งของ ‘นิภาพร’ ลูกเรือสามารถเลือกที่จะสวมใส่หน้ากากอนามัยได้ตามความต้องการของตัวเอง



AFP-แอร์โฮสเตส-สนามบิน-คาเธย์แปซิฟิก-ส้นสูง-ผู้หญิง-เครื่องบิน-Cathay Pacific.jpg

ชยาภา กล่าวว่า สำหรับเธอ มีการติดตามข่าวสารตลอด และมองว่าการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเป็นทางเลือกหลักที่เธอจะดูแลตัวเองได้ดีที่สุดในขณะนี้ รวมถึงป้องกันความเสี่ยงด้วยการล้างมือทุกครั้งหลังสัมผัสโดยตรงหรือโดยอ้อมกับผู้โดยสารหรือสารคัดหลั่งต่างๆ

เธอกล่าวต่อว่า ตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ยังไม่มีเที่ยวบินไปจีน แต่เที่ยวบินในประเทศแถบตะวันออกกลาง ล่าสุดมีผู้โดยสารแสดงอาการอ่อนเพลีย มีไข้ และอาเจียนบนเครื่อง โดยเธอชี้ว่า ยังไม่ได้มีความกังวลกับผู้โดยสารรายนั้นมากนัก เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศที่เสี่ยงติดเชื้อ และเมื่อถึงประเทศปลายทางก็ไม่ได้มีการกักตัวผู้ป่วยเฝ้าระวังแต่อย่างใด

สำหรับนิภาพร สถานการณ์ตอนนี้มีความกังวลสูง เธอชี้ว่า เมื่อเธอไม่ได้ไปบิน เธอจะใส่หน้ากากอนามัยป้องกัน และคอยตรวจสอบอาการป่วยของตัวเองเสมอ เธอยอมรับว่า แม้จะยังไม่มีเที่ยวบินที่พบผู้ป่วยชาวจีนที่แสดงอาการป่วยแต่เธอก็มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองเช่นเดียวกัน

แม้ปัจจุบันหลายฝ่ายจะออกมาพัฒนายาต้านเชื้อไวรัสโคโรนาอย่างเร่งด่วน แต่ยังไม่มีรายงานจากฝ่ายใดว่าสามารถคิดค้นวัคซีนต้านเชื้อไวรัสนี้ได้แล้ว และแม้ตอนนี้เมืองอู่ฮั่นที่เป็นต้นกำเนิดของการระบาดจะถูกสั่งปิดการเดินทางเข้าออก แต่พบการแพร่กระจายไปยังหลายมณฑลทั่วประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งชาวอู่ฮั่นจำนวนมากก็เดินทางไปยังต่างประเทศแล้วเช่นเดียวกัน

การเฝ้าระวังตามสนามบินด้วยการตรวจวัดอุณหภูมิผู้โดยสารไม่สามารถรับประกันประสิทธิภาพได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้มีระยะการฟักตัวตั้งแต่ 7 – 14 วัน ซึ่งจะทำให้ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการไข้สูงตัวร้อน และสามารถเล็ดรอดการตรวจจับไปได้ สุดท้ายจึงต้องเป็นหน้าที่ของทุกฝ่ายในการร่วมกันรักษาความปลอดภัยของคนในชาติ และของตัวเอง เพื่อไม่ให้เสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนานี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง;