ไม่พบผลการค้นหา
กระทรวงคนนาคม สรุปแนวทางยุติข้อพิพาท เตรียมขยายอายุสัญญาสัมปทานอีก 15 ปี 8 เดือน สิ้นสุด 31 ต.ค. 2578 แลกจ่ายค่าโง่กว่า 1.3 แสนล้านบาท ตัดลงทุน Double Deck เตรียมเสนอ ครม.เห็นชอบ 24 ธ.ค.นี้

นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้สรุปแนวทางยุติข้อพิพาททางด่วนระหว่างการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กับบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) แล้ว คือจะให้มีการขยายอายุสัญญาสัมปทานออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน โดยสัญญาระบบทางด่วนขั้นที่ 2 ( A, B, C) ที่จะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ. 2563 เป็นสิ้นสุด 31 ต.ค. 2578 ส่วนทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D ที่จะสิ้นสุดวันที่ 22 เม.ย. 2570 และโครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C+) ที่จะสิ้นสุด 27 ก.ย. 2569 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 31 ต.ค. 2578 เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องยุติข้อพิพาททั้งหมด ทั้งที่ศาลตัดสินไปแล้วรวมถึงอยู่ระหว่างพิจารณาคดีที่ BEM ฟ้องร้อง15 คดี กทพ.ฟ้องร้อง 2 คดี คิดเป็นมูลค่าหนี้ 137,517 ล้านบาท 

นอกจากนี้ BEM ยินดีให้ความร่วมมือในการยกเว้นค่าผ่านทางทุกด่านตามวันหยุดประจำปีตามประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีประมาณ 19 วันต่อปีตลอดอายุสัมปทาน โดยบริษัทไม่ได้ขัดข้องแนวทางยุติข้อพิพาทข้างต้น อย่างไรก็ตามการระงับข้อพิพาทดังกล่าวยังกำหนดการจ่ายผลตอบแทนตามเดิม คือแบ่งสัดส่วนรายได้ให้ กทพ. ร้อยละ 60 และร้อยละ 40 ในสัญญา A B C ส่วนสัญญา C+ BEM ได้ค่าตอบแทนทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ และตามแนวทางการขยายอายุสัญญาสัมปทานได้กำหนดให้ BEM สามารถปรับขึ้นค่าผ่านทางได้ปีละ 1 บาท แต่จะปรับขึ้นได้เพียงครั้งเดียวคือในปี 2573 หรือขึ้นค่าผ่านทาง 10 บาท ส่วนที่อีก 5 ปี 8 เดือนไม่ให้ปรับขึ้น

ทั้งนี้ปลัดกระทรวงคมนาคม ระบุว่า ในวันพรุ่งนี้ (24ธ.ค.) กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี เห็นชอบแนวทางดังกล่าว ซึ่งหาก ครม.เห็นชอบ จะมีการแจ้งให้กับ BEM รับทราบเพื่อนำไปเจรจาให้ได้ข้อยุติภายในบริษัท หลังจากนั้นจะส่งให้คณะกรรมการตามมาตรา 43 เห็นชอบก่อนส่งให้อัยการสูงสุดตรวจสอบร่างสัญญา และนำเสนอกลับมาที่กระทรวงเพื่อเสนอให้ ครม.เห็นชอบต่อไป ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะเร่งเดินหน้าให้ทันภายในเดือน ม.ค. 2563 ก่อนที่จะลงนามสัญญาภายในเดือน ก.พ. 2563 เนื่องจากสัญญาแรกจะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ. 2563 อย่างไรก็ตามหากดำเนินการไม่ทันอาจจะต้องจ้าง BEM บริหารจัดการไปก่อน

"แนวทางข้างต้นมีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เชื่อว่าทั้งประชาชน รัฐบาล รวมถึงเอกชนได้ประโยชน์จากแนวทางนี้ ซึ่งสามารถลดมูลค่าหนี้ที่จะเกิดขึ้นถึง 137,517 ล้านบาท" นายชัยวัฒน์กล่าว

ด้านนายสุรงค์ บูลกุล ประธานคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กล่าวว่า ได้มีการทำความเข้าใจกับทางกลุ่มสหภาพ กทพ. เรียบร้อยแล้ว หลังที่มีการคัดค้าน และยื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไม่ให้ขยายอายุสัญญาสัมปทานดังกล่าว แต่อาจจะมีพนักงานบางส่วนที่ยังไม่มีความเข้าใจ โดยหลังจากนี้จะมีการทำความเข้าใจต่อไปว่าเป็นความจำเป็นของนโยบายรัฐ และประโยชน์แก่ประชาชน

"การเจรจายุติข้อพิพาทไม่นำการลงทุนโครงการทางด่วนขั้นที่ 2 หรือ Double Deck มาเกี่ยวข้อง เพราะโครงการนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งจะเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และไม่ใช่โครงการข้อพิพาท" นายสุรงค์ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง