29 ก.ค. มีรายงานว่าว่าญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รอบ 24 ชั่วโมง จำนวนมากกว่า 10,000 คนซึ่งสถิติที่สูงที่สุดตั้งแต่ไวรัสดังกล่าวเริ่มระบาดเมื่อต้นปี 2563 เกิดจากจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นในเมืองหลวงและจังหวัดโดยรอบ การเพิ่มขึ้นดังกล่าวทำให้รัฐบาลกลางต้องขยายการประกาศภาวะฉุกเฉินแม้จะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินสำหรับโตเกียวและโอกินาว่าอยู่แล้ว แต่รัฐบาลได้ขยายภาวะฉุกเฉินให้ครอบคลุมเพิ่มอีก 4 จังหวัด คือไซตามะ, ชิบะ, คานากาวะ และโอซากา

โดยจากการรายงานระบุว่า กรุงโตเกียว ซึ่งเป็นสถานที่ที่จัดการแข่งขันโอลิมปิกมีจำนวนผู้ป่วยรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3,865 คน ทางด้าน 3 จังหวัดรอบกรุงโตเกียว ได้แก่ ไซตามะ, ชิบะ และคานากาวะ ก็มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในจังหวัดคานากาวะ ที่มีผู้ป่วยรายใหม่ทะลุ 1,000 ราย  ข้อมูลล่าสุดจากกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา เผยว่าญี่ปุ่นมีตัวเลขสะสมของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศอยู่ที่ 892,293 คน และผู้เสียชีวิต 15,168 คน

การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 2- 31 สิงหาคม ก่อนในระยะแรกและจะมีการพิจารณาต่อไป หนึ่งในมาตรการที่จะนำมาบังคับใช้คือการขอให้บาร์และร้านอาหารปิดทำการในเวลา 20.00 น.และงดการจำหน่ายแอลกอฮอล์ ขอความร่วมมือให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางออกนอกบ้านที่ไม่จำเป็น

นอกจากนั้น รัฐบาลจึงญี่ปุ่นได้ขอความร่วมมือให้ประชาชนทุกช่วงวัย เข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้เร็วที่สุด ทั้งผู้สูงอายุ 40-50 ปี เนื่องจากเป็นกลุ่มอายุที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และในกลุ่มวัยรุ่น เพราะคนกลุ่มนี้ใช้ชีวิตนอกบ้านมากกว่าคนสูงอายุ จึงเสี่ยงที่จะติดมากกว่า

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังวางแผนที่จะขยายภาวะฉุกเฉินเพิ่มเติมในอีกจังหวัด 5 จังหวัดคือ ฮอกไกโด อิชิกาวะ เฮียวโกะ เกียวโต และฟุกุโอกะ ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ในขณะเดียวกัน โอมิ ชิเงรุ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาของรัฐบาลได้ออกมากล่าวว่า "ขณะนี้ แทบไม่มีปัจจัยใดๆ ที่สามารถควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อได้ ระบบสาธารณสุขของญี่ปุ่นจะเข้าสู่จุดวิกฤต เว้นแต่ประชาชนจะให้ความร่วมมือ"

ที่มา: NHK