กรมชลประทาน ชี้แจงกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าว "พายุโนอึล ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก เพิ่มขึ้น ส่งผลให้เขื่อนแตกและนครนายกหายไปครึ่งหนึ่ง" นั้น

เจษฎา บุญสุยา ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล ชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด และเมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2563 เวลา 09.09 น. ได้ทำการปล่อยน้ำจากสปิลเวย์ลงสู่ด้านล่าง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมความสวยงามของเขื่อนขุนด่านปราการชล ก่อนที่จะปิดการระบายน้ำในเวลา 18.00 น. เย็นวันนี้ (4 ต.ค.) เพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้สำหรับการอุปโภคบริโภค การเกษตร ในพื้นที่ลุ่มน้ำนครนายก จ.นครนยก และพื้นที่ใกล้เคียง อีกทั้งยังช่วยผลักดันน้ำเค็มในแม่น้ำบางปะกงที่ไหลผ่าน จ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงฤดูแล้งอีกด้วย

ปัจจุบันเขื่อนขุนด่านปราการชล มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 217 ล้าน ลบ.ม. หรือ 97% ของความจุอ่างฯ กรมชลประทาน วางแผนที่จะกักเก็บน้ำให้ได้ 100% เมื่อสิ้นฤดูฝน ซึ่งกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ไว้ว่า ฤดูฝนปี 2563 จะสิ้นประมาณกลางเดือน ต.ค.นี้ ปริมาณน้ำที่เกือบจะเต็มอ่างฯ นี้เป็นผลดีอย่างมากต่อชาวนครนายกและพื้นที่ใกล้เคียง ที่จะมีน้ำต้นทุนไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้าที่จะมาถึงอย่างเพียงพอ

ส่วนตัวเขื่อน กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องตรวจสอบวัดพฤติกรรมเขื่อน เพื่อใช้ในการเฝ้าระวังและติดตามพฤติกรรมเขื่อน ด้วยการวัดการไหลซึมของเขื่อน, วัดการเคลื่อนตัวของตัวเขื่อน และวัดอุณหภูมิภายในตัวเขื่อน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะทำการตรวจสอบตัวเขื่อนอยู่ตลอดเวลา จึงขอให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าเขื่อนขุนด่านปราการชล ยังมีความมั่นคงแข็งแรง 100% พร้อมที่จะบริหารจัดการน้ำได้อย่างเต็มศักยภาพ

ภาพมุมสูง เขื่อนขุนด่านปราการชล เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 ต.ค.2563

ลานจอดรถรับนักท่องเที่ยว

เขื่อนขุนด่านปราการชล

ARTICLE

คุณภาพชีวิต

ชลประทานแจงโซเชียล 'เขื่อนขุนด่านปราการชล นครนายก' แกร่ง