การล้วงข้อมูลโซนี พิคเจอร์สจะเกิดขึ้นมาได้ระยะหนึ่ง จนถึงขณะนี้ทางการสหรัฐฯ ยังไม่สามารถระบุตัวผู้ก่อเหตุได้ มีเพียงทฤษฏีต่างๆ ที่คาดเดาว่าแฮ็กเกอร์ที่ก่อเหตุเป็นคนกลุ่มใด และต้องการอะไรจากการแฮ็กข้อมูลดังกล่าว ทฤษฏีที่ว่าจะมีอะไรบ้าง
แม้ว่าทางการสหรัฐฯ จะยังไม่ฟันธงว่า เกาหลีเหนือคือผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ็กข้อมูลของบริษัทโซนี่ พิคเจอร์ส เอนเตอร์เทนเมนต์ จนนำไปสู่การข่มขู่ ว่าจะก่อเหตุร้ายเหมือนเมื่อครั้ง 9/11 หากว่าโซนี่ พิคเจอร์ส ยังคงยืนยันที่จะฉายภาพยนตร์เรื่อง ดิ อินเทอร์วิว ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนลอบสังหารนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือโดยผู้สื่อข่าวและโปรดิวเซอร์ชื่อดังของสหรัฐฯ ที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจตามคำสั่งของซีไอเอ
ซึ่งในตอนนี้ เรื่องดังกล่าวได้บานปลาย กลายเป็นเรื่องใหญ่ในสหรัฐฯ เนื่องจากผู้คนจำนวนมาก ไม่พอใจ การตัดสินใจถอดภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวก่อนกำหนดการฉายจริงในวันที่ 25 ธันวาคมนี้ โดยมองว่าโซนี่ พิคเจอร์ส ยอมทำตามคำขู่ของแฮ็กเกอร์สมากเกินไป และประชาชนทุกคน มีสิทธิที่จะได้รับชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ตามสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
ขณะที่ โซนี่ พิคเจอร์ส ก็เพิ่งออกแถลงการณ์ล่าสุดระบุว่า เรื่องดังกล่าวอยู่เหนือการควบคุมของโซนี่ สอดคล้องกับท่าทีของประธานาธิบดีบารัก โอบามา ที่แสดงความกังวล และมองว่า นี่คือภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ
เมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ แต่ทางการสหรัฐฯ กลับยังไม่กล้ายืนยัน ว่าใครที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการก่อเหตุดังกล่าว ก็ยิ่งทำให้หลายคนสงสัยมากยิ่งขึ้น ว่าผู้ก่อเหตุและผู้บงการให้มีการแฮ็กข้อมูลของบริษัทโซนี่ พิคเจอร์สคือใครกันแน่
ความเป็นไปได้ของเรื่องนี้ มีอยู่ 4 แนวทางใหญ่ นั่นคือ 1. ผู้ก่อเหตุเป็นรัฐ และมีแนวโน้มว่าจะเป็นเกาหลีเหนือ 2. ผู้ให้การสนับสนุนเกาหลีเหนือ ซึ่งมีฐานปฏิบัติการอยู่ในจีน 3. กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่ทำเพื่อแลกกับค่าจ้างก้อนโต และ 4. แฮ็กเกอร์ที่ก่อเหตุด้วยตนเอง โดยมีแรงจูงใจหลายอย่างผลักดัน เช่น การแก้แค้น
ซึ่งในตอนนี้ หลายฝ่ายได้พุ่งเป้าไปที่เกาหลีเหนือ โดยก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยออกมาวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องดิ อินเทอร์วิว ว่าเป็นกระทำที่ไม่ต่างอะไรกับการก่อการร้าย อีกทั้ง หากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉาย จะถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของนายคิมจองอึน ผู้นำคนปัจจุบันอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นับตั้งแต่ที่เขาก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังมีสำนักข่าวกรองกลาง ที่มีหน่วยที่เรียกว่า 121 ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการแฮ็กข้อมูลโดยเฉพาะ ขณะที่ สื่อในสหรัฐฯหลายสำนัก ก็เชื่อมั่นเช่นเดียวกันว่าเกาหลีเหนืออยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ทางด้านของนักวิจัยอาวุโส จากบริษัทด้านความมั่นคงอย่าง F-Secure ก็แสดงความเห็นว่า หากอยากรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังการแฮ็กข้อมูลของโซนี่ พิคเจอร์ส ต้องดูที่การกระทำต่อจากนี้
หากว่าเป็นเกาหลีเหนือทำจริง การที่โซนี่ พิคเจอร์สยอมถอดภาพยนตร์เรื่องดิ อินเทอร์วิวออกจากโรงฉาย ก็อาจจะทำให้แฮ็กเกอร์ยุติปฏิบัติการดังกล่าว แต่หากว่าหลังจากนี้ มีการข่มขู่คุกคาม รวมถึงการรีดไถเงินจากบริษัทโซนี่ ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าข่าย ว่าผู้ก่อเหตุนั้นเป็นแฮ็กเกอร์มีอาชีพ และต้องการทำให้โซนี่เสื่อมเสีย รวมถึงยังต้องการเงินก้อนโตจากโซนี่ เพื่อเรียกค่าไถ่แลกกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดด้วย
ทำให้ตอนนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดในตอนนี้ ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กันแน่ แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นาน ความลับต่างๆจะค่อยๆถูกเปิดเผยออกมาในที่สุด
