การค้นหาซากเครื่องบินและร่างของผู้โดยสาร QZ8501 ยังคงดำเนินไปอย่างล้าช้าท่ามกลางสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวย โดยจนถึงขณะนี้พบศพเพียง 9 ศพเท่านั้น และยังไม่พบพิกัดที่แน่นอนของเครื่องบิน
ทางการอินโดนีเซียแถลงว่าการค้นหาซากเครื่องบินของสายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน QZ8501 ซึ่งตกกลางทะเลชวา นอกชายฝั่งเกาะบอร์เนียวเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยังคงเป็นไปอย่างล่าช้า เนื่องจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจ มีฝนตกหนัก คลื่นสูง และลมแรง และคาดการณ์ว่าอากาศจะเลวร้ายเช่นนี้ไปอีกจนถึงวันที่ 4 มกราคม อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะไม่ยุติการค้นหา แม้ว่าสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยจะทำให้การทำงานยากลำบากและล่าช้ากว่าที่ควรก็ตาม
จนถึงขณะนี้ มีศพถูกกู้ขึ้นมาได้แล้ว 9 ราย โดยหนึ่งในนั้นเป็นพนักงานต้อนรับหญิง ที่เหลือเป็นผู้โดยสาร โดยมีศพ 4 รายที่สามารถนำขึ้นฝั่งมายังเมืองสุราบายาได้แล้ว และผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์ไปแล้ว 1 ราย โดยญาติได้มารับศพที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์กลับไปประกอบพิธีทางศาสนาแล้ว อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คาดว่าจะไม่สามารถเก็บกู้ศพได้มากนัก เพราะเชื่อว่าร่างของผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ยังติดอยู่ภายในเครื่องบิน
สำหรับการค้นหาซากเครื่องบินก็มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีการพบชิ้นส่วนเครื่องบินหลายชิ้น เช่นประตูทางออก ทางสไลด์ฉุกเฉินสำหรับการอพยพออกจากเครื่องบิน กระเป๋าเดินทางจำนวนมาก รวมถึงรถเข็นสำหรับใช้บนเครื่องบิน นอกจากนี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นักบินหนึ่งในทีมค้นหายังระบุว่าพบเงาใต้น้ำที่คาดว่าจะเป็นซากเครื่องบิน ทำให้มีการค้นหาในบริเวณนั้นอย่างเข้มข้น และทางการอินโดนีเซียคาดว่าจะสามารถระบุพิกัดซากเครื่องบินได้ภายใน 1 สัปดาห์ และมีความเป็นไปได้สูงที่เครื่องบินจะจมอยู่ในบริเวณน้ำตื้น ระดับความลึกเพียง 25-32 เมตร ซึ่งทำให้การค้นหาและเก็บกู้ซากทำได้ไม่ยากนัก
ทั้งนี้ สัญญาณที่ปล่อยออกมาจากกล่องดำของเครื่องบินเพื่อระบุพิกัดเครื่อง หรือ "พิงเกอร์" จะทำงานอยู่อีกเพียง 25 วัน ซึ่งหากยังไม่พบเครื่องบินภายในระยะเวลาดังกล่าว การค้นหาก็จะยากลำบาก เช่นในกรณีของเที่ยวบิน MH370 ที่ยังหายสาบสูญอยู่จนถึงปัจจุบัน
สำหรับสาเหตุของโศกนาฏกรรมในครั้งนี้ ยังไม่มีการระบุแน่ชัดจนกว่าจะได้ข้อมูลจากกล่องดำ แต่ข้อมูลล่าสุดจากหอบังคับการบินระบุว่าก่อนเครื่องออกจากสนามบินเมืองสุราบายา มุ่งหน้าสิงคโปร์ กัปตันเครื่องบิน QZ8501 ได้ขอบินสูงกว่าระดับปกติเพื่อหลบพายุ แต่ไม่ได้รับอนุญาต เนื่องจากมีเครื่องบินอีกลำที่ใช้เส้นทางเดียวกัน ทำให้หลายฝ่ายเริ่มมองว่าการจัดการจราจรทางอากาศที่ไม่มีประสิทธิภาพ และความหนาแน่นของการสัญจรทางอากาศในแถบนี้ อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมครั้งนี้
