รายการ Intelligence ประจำวันที่ 23 ธ.ค. 2554
อ.จรัล ดิษฐาอภิชัย อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และแกนนำ นปช. ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับมาต่อสู้คดีฝ่าฝืน พรบ.ความมั่นคงเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะนี้เป็นที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมประเมินสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปีหน้าว่า เหตุลอบวางระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุด แม้จะเป็นสัญญาณของการใช้ความรุนแรง
แต่ขอให้ประเมินตามพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ แต่อย่าใช้จุดยืนทางการเมือง หรือการประเมินเพื่อหวังผลในทางการเมือง เพราะจะทำให้การประเมินสถานการณ์ผิดพลาด
ในฐานะนักต่อสู้ทางการเมือง อาจารย์จรัล ประเมินว่า โอกาสจะเกิดการนองเลือดในปีหน้าอย่างที่โหราจารย์หลายคนทำนายมีความเป็นไปได้น้อย เพราะ รัฐบาลจะไม่ปราบปรามประชาชน ส่วนการปะทะของมวลชนสองฝ่ายโอกาสเกิดน้อยเพราะฝ่ายเสื้อแดงจะแพ้ทางยุทธวิธี โดยอาจารย์จรัล เห็นว่าโอกาสที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะอยู่ครบเทอม 4 ปี มีความเป็นไปได้สูง ทั้งยังมองว่า การเป็นผู้นำหญิงเป็นจุดแข็งไม่ใช่จุดอ่อน
อาจารย์จรัล ประเมินการเมืองไทยในปีหน้าว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นเรื่องหลัก พร้อมเสนอให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยเดินหน้าไม่ว่าจะเป็นการเสนอแก้ไขทั้งฉบับ หรือ แก้ไข ม. 291 เพื่อเปิดทางให้มีการตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนการปรองดอง โอกาสยังเลือนรางเพราะคู่ขัดแย้งยังไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย จึงต้องใช้ความพยายามต่อไป
อาจารย์จรัล เรียกร้องให้รัฐบาลแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ต่อ ปัญหาของ มาตรา 112 หลังจากองค์กรระหว่างประเทศหลายองค์กรออกมา แสดงความกังวลต่อการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนจากการใช้กฎหมายมาตรานี้ ส่วนคดี 91 ศพ ในฐานะแกนนำเสื้อแดงมองว่า
เป็นการต่อสู้ในเชิงยุทธศาสตร์ แต่ให้จับการดูการต่อสู้ในเชิง "ยุทธวิธี" คือ คดี 16 สำนวน ที่อาจนำไปสู่การนำตัวผู้สั่งการเข้าสู่กระบวนการยุติรรมได้
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างมวลชนคนเสื้อแดง กับรัฐบาลเพื่อไทย ที่มีช่องว่างจากกันมากขึ้น อาจารย์จรัลเสนอให้ประชุมสมัชชาคนเสื้อแดงเป็นการประชุมใหญ่เพื่อปรับขบวนการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่กำลังเผชิญอยู่