รายการ Hot Topic ประจำวันที่ 28 ธันวาคม 54
รายการ Hot Topic พาท่านผู้ชมมาที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์พิเศษในรายการ Hot Topic ในช่วงส่งท้ายปีเก่า โดย “จอม เพชรประดับ” เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งจะเริ่มออกอากาศในช่วงค่ำวันที่ 28 ธันวาคมนี้ ในชื่อตอน "เปิดกรงนายกฯนกแก้ว"
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า ระยะเวลาการทำงานผ่านมา 3-4 เดือน เริ่มที่จะคุ้นเคยกับการทำงานมากกว่า ยอมรับว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาเวลาผ่านไปเร็วมาก ทั้งนี้ ช่วงวิกฤติมีทั้งสิ่งที่ไม่คาดหวังมาก่อน แต่สิ่งที่ได้คือการที่เห็นพลังความสามัคคี พลังจิตอาสา เป็นน้ำหล่อเลี้ยงในการทำงานต่อไป และในยามที่ประเทศมีปัญหาเราก็ได้เห็นกันว่า คนไทยไม่ทิ้งกัน
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมานายกฯเริ่มเข้าถึงคนทำงานมากขึ้น นายกฯ กล่าวว่า เริ่มจากการทำงานในความร่วมมือมากกว่า และได้รู้จักระบบข้าราชการทั้งหมดดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพที่มีศักยภาพความพร้อมสูงมาก และได้รับความร่วมมืออย่างจริงจัง แม้จะมีอุปสรรคบ้างแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
นายกฯ ยังกล่าวว่า ยอมรับว่า 4 เดือนที่ผ่านมาเป็นการทำงานที่ยาก นายกฯหญิง คือ ความคาดหวังของประชาชน วันแรกที่เข้ามาอาจจะเป็นฟอร์มรัฐบาลเร็วขึ้น และจะถูกคาดหวัง ว่าจะต้องรีบทำงานเลย และเป็นความคาดหวังที่ไม่ผิด และพยายามทำ ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่าเราต้องทำงานไปกับน้ำ จึงต้องใช้เวลาในการทำงานมากขึ้น
ต่อข้อถาม ที่ว่าเมื่อความคาดหวังสูง เป็นแรงกดดันตัวเองจนนำไปสู่การพูดผิดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมายอมรับว่าปริมาณงานมีมาก แต่ตนทำงานไม่มีวันหยุด แล้วในหนึ่งวันมีกิจกรรมมาก ส่วนความผิดพลาดอาจมีบ้าง แต่ดูจำนวนครั้งเทียบกับปริมาณจะเห็นว่าการพูดของตัวเองยังไม่คล่องมาก แต่สื่อสารได้เข้าใจ และยืนยันว่าเราจริงใจในการสื่อสาร และไม่อยากนำคารมมาเล่นเป็นการเมือง และเชื่อว่าเมื่อประชาชนเลือกมาแล้ว อยากให้มองที่เป้าหมายปลายทาง
เมื่อถามอีกว่า จากเดิมที่เป็นคนยิ้มง่ายหัวเราะง่ายในวันนี้เป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า ยังมีอยู่ แต่ด้วยบทบาทในหน้าที่ต้องเป็นความเหมาะสม แต่ยังมีความเป็นตัวของตัวเองเสมอ แต่อยู่ที่ความเหมาะสม อย่างเมื่อกลับบ้านก็เป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม ไม่ได้ฝืนความเป็นตัวของตัวเอง เพราะสุดท้ายถ้าไม่ใช่ตัวเองก็ไม่เป็นประโยชน์
เรื่องความสะเทือนใจ นายกฯ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่ นครสวรรค์ ไม่ได้ร้องไห้ แต่เป็นความรู้สึกสะเทือนใจจริงๆ เพราะภาวะต่างรุมเร้าเข้ามา ยังมีหลายพื้นที่ที่ประสบภัยต่างกดดัน แต่เมื่อได้เห็นพื้นที่ที่ผ่านวิกฤติมาได้ ก็ยอมรับว่าเป็นความรู้สึกที่เห็นใจและมุมหนึ่งได้เห็นความเข้มแข็งของประชาชน และยังให้กำลังใจตนกลับมา เลยคิดว่าอะไรที่ท้อ ก็ต้องท้อไม่ได้
เมื่อถามถึง ความตื้นตันเมื่อมีการพูดถึงพี่ชาย นายกฯ บอกว่า เมื่อเราผ่านเหตุการณ์มาหลายอย่าง ไม่มาเจอกับตัวอาจไม่ทราบ และในฐานะพี่ชาย ก็เข้าใจว่ามีความคิดมีความต้องการให้ประเทศพัฒนาอย่างไร และด้วยความเป็นพี่น้องกัน ก็เข้าใจกัน แต่ต้องแยกแยะบทบาทในการทำหน้าที่ เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งก็ต้องแยกให้ออก
เมื่อถามว่า คนในตระกูลชินวัตร ต้องเข้ามาเป็นบทบาททางการเมือง เหมือนกับเป็นละครการเมืองฉากหนึ่ง นายกฯ ชี้แจงว่า ตนเข้าใจธรรมชาติคนนักการเมือง แต่ไม่ใช่จะต้องมาเล่นการเมืองทุกบทบาท ต้องเข้าใจว่าตัวเองมาจากการเป็นครอบครัวลูกนักการเมือง พี่ชาย พี่สาว ก็เป็นนักการเมือง แต่เมื่อเรามีโอกาสก็ต้องปาวรณาตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน
ต่อข้อถามว่า วันนี้เมื่อยิ่งสูงยิ่งหนาว รู้สึกอย่างนั้นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น เพราะยึดหลักว่า การทำงานด้วยกันต้องไว้วางใจและเชื่อใจ ระแวงไปหมดจะทำงานไม่ได้ และต้องให้พิสูจน์ในการทำงาน หากทำไม่ได้ก็ต้องปรับปรุงต่อไป
“บุคคลที่ไว้วางใจ ก็ยังเป็นครอบครัวเป็นที่สุด แต่ก็เห็นว่าทุกคนต่างก็พร้อมร่วมงาน และหากตั้งมั่นเพื่อประโยชน์ส่วนรวม เราก็เห็นความรวมมือจากทุกฝ่าย ที่จะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดทีมเวิร์ค ความสามามัคคี”
ส่วนฉายานายกฯนกแก้ว กล่าวว่า ไม่รู้สึกอย่างไร แต่เชื่อว่าการทำงาน จะมีเวลาเป็นเรื่องพิสูจน์เท่านั้นว่าการทำงานเป็นอย่างไร ส่วนเรื่องการตอบคำถามสื่อ นายกฯ ชี้แจงว่า จะเน้นเรื่องการให้ข้อมูลเป็นหลัก ไม่ใช้เป็นเรื่องคารมทางการเมือง.
Produced by VoiceTV