เกาะเต่ากลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อื้อฉาวที่สุดของไทยไปแล้ว หลังมีคดีปริศนาเกิดขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดหนังสือพิมพ์อังกฤษเผยแพร่บทความจากชาวอังกฤษที่เคยอาศัยในไทย ที่ยืนยันว่าเกาะเต่าและอีกหลายแหล่งท่องเที่ยวในไทย เป็นสถานที่อันตรายที่ไม่ควรไปเยือน
หนังสือพิมพ์ The Independent ของอังกฤษ เผยแพร่บทความที่ชื่อว่า "ด้านมืดของเมืองไทย: เหตุใดคุณจึงไม่ควรไปเกาะเต่า" ซึ่งถูกแชร์ไปมากกว่า 9,000 ครั้ง เขียนโดยเอเลน ดิคคินสัน ซึ่งเคยใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย 3 ปี ดิคคินสันกล่าวว่าแม้ไทยจะโปรโมทตัวเองเป็น "อเมซิง ไทยแลนด์" และมีจุดขายด้านการท่องเที่ยวมากมาย ทั้งวัดวาอารามในเมืองหลวง ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ และหาดอันสวยงามระดับโลก แต่ก็มีมุมมืดที่การท่องเที่ยวไทยไม่ได้พูดถึงเช่นกัน
ดิคคินสันบอกว่าหลายปีที่ตนเองใช้ชีวิตในเมืองไทย พบเจอกับข่าวอุบัติเหตุทั้งทางรถ เรือ รถโดยสาร มอเตอร์ไซค์ และเหตุจี้ปล้นชิงทรัพย์ รวมถึงฆาตกรรมมากมาย หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญที่สุดก็คือเหตุฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 รายที่เกาะเต่า ฮันนาห์ วิเธอริดจ์ และเดวิด มิลเลอร์ เกาะแห่งนี้มีชุมชนชาวต่างชาติขนาดใหญ่ ประมาณ 2,000 คน ที่อาศัยอยู่ในฐานะเจ้าของธุรกิจหรือผู้พำนักในวัยเกษียณ แต่กลับไม่มีใครกล้าเปิดปากพูดเกี่ยวกับคดีนี้ โดยทุกคนยืนยันว่ากลัวจะเป็นอันตรายหากให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน
คดีนักท่องเที่ยวสาวชาวเบลเยียม เอลิส เดมานจ์ ถูกพบเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาล่าสุด เป็นการเสียชีวิตรายที่ 7 ของชาวต่างชาติในเกาะเต่า ในเวลาเพียง 3 ปี เป็นการตอกย้ำว่าเกาะเต่าเป็นสถานที่ที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างแท้จริง แต่ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้น ก็คือไม่ใช่แค่เกาะเต่าที่มีปัญหามาเฟีย ดิคคินสันยืนยันว่าเป็นที่ทราบกันดีในไทย ว่าแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม โดยเฉพาะเกาะต่างๆ อย่างเกาะสมุย เกาะพีพี และเกาะภูเก็ต ล้วนปกครองโดยตระกูลใหญ่ที่ควบคุมทุกอย่างตั้งแต่การขายของบนชายหาก ไปจนถึงการค้ามนุษย์
ดิคคินสันระบุว่าแม้แต่แท็กซี่ในเกาะต่างๆทางภาคใต้ ก็ถูกมาเฟียควบคุม คิดราคาค่าโดยสารแพงกว่าในกรุงเทพฯนับสิบเท่า และผู้ให้เช่าเจ็ทสกีก็มักคิดค่าเสียหายจากผู้ใช้บริการเกินกว่าความเป็นจริง ทั้งที่เจ็ทสกีไม่ได้ชำรุดเสียหายจากการใช้งาน ขณะที่การล่วงละเมิดทางเพศ ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย จนกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษต้องออกแถลงการณ์เตือนนักท่องเที่ยวอังกฤษในไทย ว่าให้ระมัดระวังการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะในเทศกาลฟูลมูน รวมถึงให้ระวังการถูกวางยาในเครื่องดื่ม เมื่อไปสังสรรค์ตามผับบาร์ต่างๆในพัทยา เกาะสมุย และเกาะพะงัน
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกิดคดีล่าสุดที่พบศพนักท่องเที่ยวเบลเยียมในเกาะเต่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายืนยันว่านักท่องเที่ยวยังคงมั่นใจ ไม่รู้สึกวิตกกังวลมากกว่าปกติ และจำนวนนักท่องเที่ยวก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างด ขณะที่ตำรวจสภ.เกาะเต่ายังคงเดินหน้าสอบสวนคดีนี้ร่วมกับกองปราบ และเบื้องต้นยังอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ผลนิติวิทยาศาสตร์พบว่าร่างของผู้เสียชีวิตไม่มีร่องรอยของการต่อสู้