นายกฯหยอกใครผัวทิ้งให้มาบอกเพราะผิดกฎหมาย ทบทวนกฎหมายผัวเดียว เมียเดียวของไทย มีเมียน้อยเอาผิดได้จริงหรือไม่?
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรือที่อยู่อาศัยในที่ดินตามนโยบายรัฐบาล และพบปะประชาชน ที่ศาลาอเนกประสงค์ สวนสาธารณะเทศบาล ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ว่า ขอให้ประชาชนอย่ามัวแต่สนใจแต่ข่าวดาราจะรักจะเลิกกัน เพราะไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลย อยากให้เขากลับมาคืนดีกัน แต่ตัวเองผัวยังทิ้งอยู่เลย ใครผัวทิ้งมาบอกตนเพราะผิดกฎหมายทำไม่ได้ กฎหมายให้มีเมียเดียวจะมีกิ๊กก็ไม่ได้ และกฎหมายกำลังออก
นายกรัฐมนตรี ยังได้โชว์เหรียญท้าวสุรนารีหรือย่าโม พร้อมกล่าวว่า วันนี้ตนพูดความจริงต่อหน้าย่าโม พร้อมยังกล่าวเป็นภาษาอีสานทำนองว่า "คิดถึงกันบ้างเด้อ ทหารพูดอะไรโกหกไม่ได้ เป็นคำมั่นสัญญาที่ต้องการทำเพื่อประชาชน และเคยฟังเพลงกันหรือไม่ หรือคิดว่าขอเวลาอีกไม่นาน แต่ไม่ไปสักที ผมก็ไปตามขั้นตอน ไปได้ก็ไป อย่าไล่ผม ถ้าไล่ยังไม่ไป"
กฎหมายผัวเดียวเมียเดียวของไทยมีมาตั้งแต่ 2478 แล้ว
ไม่ต้องบอกนายกฯ ถ้าพบว่าสามีเลี้ยงดูผู้หญิงอื่นเหมือนภรรยา สามารถฟ้องหย่าได้
ผู้ชายถ้าพบว่าภรรรยามีชู้ ฟ้องหย่าได้
ผู้หญิงเสียเปรียบตรงที่ต้องพิสูจน์ว่า ผู้หญิงอื่นของสามี ได้รับการยกย่องทัดเทียมกับภรรยาจริงหรือเปล่า
“ในรัชกาลที่ ๗ มีการตรากฎหมายสำคัญฉบับหนึ่งเรียกว่า 'พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายลักษณะผัวเมีย พุทธศักราช ๒๔๗๓” สาระสำคัญของกฎหมายฉบับดังกล่าว คือ เป็นกฎหมายฉบับแรกที่รับรองสถานะหญิงที่เป็นภรรยาด้วยทะเบียนสมรสและการหย่า ทว่าการเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงค่านิยมดั้งเดิมที่ยอมรับให้ชายมีภรรยาได้หลายคนมาเป็นสังคมผัวเดียวเมียเดียวมิใช่เรื่องง่าย ทรงใช้วิธีการละมุนละม่อมด้วยการตราพระราชบัญญัตินี้ไว้ตั้งแต่ พุทธศักราช ๒๔๗๓ แต่ให้มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๗๕ หรืออีก ๒ ปีต่อมา พระราชบัญญัติฉบับนี้ระบุให้มีการจดทะเบียนสมรส จดทะเบียนหย่าและจดทะเบียนรับรองบุตร เพื่อทดแทนธรรมเนียมดั้งเดิมเป็นครั้งแรกในสังคมไทย
หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พุทธศักราช ๒๔๗๕ รัฐบาลของคณะราษฎร ได้นำสาระสำคัญของพระราชบัญญัติฉบับนี้มารวมไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์บรรพที่ ๕ ว่าด้วยเรื่องครอบครัว ประกาศเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๗๘ ยังผลให้มีการยอมรับหลักการมีภรรยาชอบด้วยกฎหมายเพียงคนเดียวในปัจจุบัน”
Source:
https://news.voicetv.co.th/thailand/517258.html
