สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ ETDA (เอ็ตด้า) เผยผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และผลสำรวจมูลค่าอีคอมเมิร์ซของไทยในปีนี้ และพบว่ายอดการซื้อสินค้าและบริการทางออนไลน์เติบโตต่อเนื่อง ทำให้การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ขึ้นมาติด 1 ใน 5 กิจกรรมยอดฮิตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยเป็นครั้งแรก
ผลสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตและมูลค่าตลาดอีคอมเมิร์ซของ ETDA ในปีนี้ ได้ทำแบบสอบถามกับประชาชนรวม 25,101 คน ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีทั้งการเก็บรวบรวมข้อมูลทั่วไปแล้ว ยังมีการให้ผู้สอบถามระบุถึงปัญหาที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตพบมาก หรือมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ผู้ใช้งานไม่กล้าที่จะซื้อของผ่านอินเทอร์เน็ตปฏิเสธ เพื่อนำมาเป็นข้อมูลสำหรับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในการปรับปรุงแก้ไขปัญหา และสามารถช่วยเหลือผู้ประกอบธุรกิจอีคอมเมิร์ซนำไปพัฒนาเพื่อให้การซื้อขายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผลสำรวจพบว่า กลุ่ม Gen Y เป็นกลุ่มที่ใช้อินเทอร์เน็ตต่อวันสูงสุด โดยใช้งานเฉลี่ยที่ 7.12 ชั่วโมงในวันธรรมดา และมากถึง 7.36 ชั่วโมงในช่วงวันหยุด ขณะที่ Gen X และ Gen Z ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยอยู่ที่วันละ 5-6 ชั่วโมง แต่สิ่งสำคัญคือคนทุกวัยที่ใช้อินเทอร์เน็ต 61.1 % ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่แล้ว ส่วนคนที่ใช้ปริมาณเท่าเดิมมีอยู่ 30.8% และคนที่ใช้น้อยลงกว่าเดิมมีอยู่แค่ 8.1%
กิจกรรมที่นิยมทำเมื่อใช้อินเทอร์เน็ตมากที่สุด 5 อันดับแรก
1. การใช้โซเชียลมีเดีย (86.9%)
2. การค้นหาข้อมูล (86.5%)
3. การรับส่งอีเมล (70.5%)
4. การดูทีวีและฟังเพลงออนไลน์ (60.7%)
5. การซื้อสินค้าออนไลน์ (50.8%)
ซึ่งการซื้อสินค้าออนไลน์ขึ้นมาติด 1 ใน 5 กิจกรรมยอดฮิตของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นครั้งแรก สะท้อนว่าคนไทยให้ความสนใจกับการซื้อของออนไลน์มากขึ้น
สำหรับสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้คนไทยไม่ซื้อสินค้าและใช้บริการออนไลน์
1.การกลัวโดนหลอก อยู่ที่ 51.1%,
2. ไม่ได้สัมผัสหรือทดลองใช้สินค้าก่อน อยู่ที่ 39.9%,
3.ไม่มีสินค้าที่ต้องการ อยู่ที่ 33.9%
4.เพราะยังชอบการเดินเลือกซื้อสินค้าด้วยตัวเอง อยู่ที่ 31.1%
ปัจจัยหลักที่ทำให้คนไทยหันมาซื้อสินค้าและใช้บริการออนไลน์มากที่สุด
1. ขั้นตอนการซื้อที่ง่าย (85%)
2. การได้รับสินค้าที่สะดวกรวดเร็ว (53.4%),
3. โปรโมชั่นที่ถูกใจผู้ซื้อ (51.4%)
4. คือมีราคาที่ถูกกว่าการซื้อผ่านหน้าร้าน (49.7%)
ส่วนสินค้าและบริการที่คนไทยนิยมซื้อออนไลน์มากที่สุด
1. สินค้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย (44%)
2. สินค้าด้านสุภาพและความงาม (33.7%)
3. อุปกรณ์ไอที (26.5%)
4. เครื่องใช้ภายในบ้าน (19.5%)
5. บริการสั่งอาหารออนไลน์ (18.7%)
6. บริการเกี่ยวกับการเดินทางและท่องเที่ยว (17.9%)
โดยสินค้าและบริการที่คนไทยนิยมซื้อทางออนไลน์มากที่สุดจะอยู่ในช่วงราคาไม่เกิน 1,000 บาท
โดยช่องทางการชำระเงินที่มีการใช้มากที่สุด
1. บัตรเครดิต (35.1%)
2. การโอนเงินผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร (31.9%)
3. การโอนเงินผ่านตู้เอทีเอ็ม (27.1%),
4. การโอนเงินผ่านเว็บไซต์ธนาคาร (22.6%)
อย่างไรก็ตาม ผู้ซื้อสินค้าออนไลน์จำนวนมากยังเลือกที่จะชำระเงินแบบออฟไลน์ เพราะสบายใจในเรื่องของความปลอดภัยมากกว่า ขณะที่บางส่วนก็มองว่าการชำระเงินออนไลน์มีความยุ่งยากมากว่า
ปัญหาที่คนไทยเจอเวลาซื้อของออนไลน์มากที่สุด
1. การได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพตามที่โฆษณา คิดเป็น 52%
2. การได้รับสินค้าล่าช้ากว่ากำหนด 43.8%
3. นอจากนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องสินค้าชำรุดเสียหาย
4. ชำระเงินแล้วไม่ได้สินค้า
สำหรับการคาดการณ์อัตราการเติบโตของมูลค่าอีคอมเมิร์ซในปีนี้ ETDA ประเมินว่ามูลค่าอีคอมเมิร์ซของไทยจะมีมูลค่ารวมประมาณ 2ล้าน8แสนล้านบาทในปี ซึ่งโตขึ้นจากปีที่แล้วเกือบ 10% ซึ่งอีคอมเมิร์ซไทยเติบโตต่อเนื่อง เพราะได้รับการสนับสนุนและส่งเสริมจากภาครัฐ ประกอบกับพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงและมีการใช้งานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนในธุรกิจอีคอมเมิร์ซของไทยเพิ่ม ทำให้ระบบอีคอมเมิร์ซของไทยมีความสมบูรณ์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการส่งของ หรือระบบชำระเงิน ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศในการแข่งขันและยังสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคอีกด้วย