ผลสำรวจล่าสุดพบว่ากรุงเทพฯติดอันดับ 2 ของโลกในฐานะเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยว รองจากฮ่องกง ขณะที่พบว่านักท่องเที่ยวจีนมีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลก
ยูโรมอนิเตอร์ อินเทอร์เนชันแนล สำนักวิจัยด้านการตลาดระดับโลก เปิดเผยผลสำรวจเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมประจำปี 2017 หรือ 2017 Top 100 City Destinations survey โดยพบว่าฮ่องกงเป็นเมืองยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปมากถึง 26 ล้านคนในปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 44 ล้านคนภายในปี 2025 ตามมาด้วยกรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยว 21.25 ล้านคน โดยมีอัตราการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวเกือยร้อยละ 10 ส่วนกรุงลอนดอนของอังกฤษตามมาในอันดับ 3 มีนักท่องเที่ยว 19.2 ล้านคนในปี 2016 และคาดว่าจะมีจำนวน 19.8 ล้านคนในปี 2017
นอกจากกรุงเทพฯ ภูเก็ตและพัทยาก็ติดอันดับ 25 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุดในโลกประจำปี 2017 ด้วย โดยภูเก็ตติดอันดับ 11 พัทยาติดอันดับ 24 ขณะที่เมืองอื่นๆในอาเซียนที่ติดอันดับ 25 เมืองที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด ได้แก่สิงคโปร์ อันดับ 4 และกัวลาลัมเปอร์ อันดับ 10
ผลการจัดอันดับดังกล่าวยังพบว่าเอเชียเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของโลก โดยใน 100 อันดับเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด เป็นเมืองในเอเชียถึง 41 เมือง และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 47 เมืองในปี 2025 ขณะที่ยุโรป แม้จะเคยเป็นแหล่งท่องเที่��วยอดนิยม แต่กลับได้รับผลกระทบจากการก่อการร้าย ทำให้นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจที่จะเดินทางไปเมืองใหญ่ต่างๆในยุโรปอย่างบรัสเซลส์ ปารีส และนีซ ขณะที่ลอนดอนยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวเติบโตสม่ำเสมอ แม้จะมีทั้งการก่อการร้ายและความปั่นป่วนจาก Brexit โดยปัจจัยหลักที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวอังกฤษคือเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงอย่างมากหลังการประชามติ Brexit
ยูโรมอนิเตอร์พบด้วยว่านักท่องเที่ยวกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลก ก็คือจีน เห็นได้จากฮ่องกงยังคงครองอันดับ 1 ของเมืองที่มีนักท่องเที่ยวไปเยือนมากที่สุด เนื่องจากมีสายสัมพันธ์และภูมิศาสตร์ใกล้กับจีน แม้ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดขึ้นระหว่างชาวฮ่องกงกับรัฐบาลจีนจากปัญหาการเมือง จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ยูโรมอนิเตอร์เชื่อว่าในปีนี้และปีหน้า ฮ่องกงจะกลับมามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอีกอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน ปีนี้กรุงโซลของเกาหลีใต้มีนักท่องเที่ยวไปเยือนลดลงกว่าร้อยละ 15 เหลือเพียง 7.6 ล้านคน เนื่องจากตลอดปีที่ผ่านมา จีนกับเกาหลีใต้มีความขัดแย้งกันหลายประการ ส่งผลให้จีนออกมาตรการกีดกันนักท่องเที่ยวไม่ให้เดินทางไปเกาหลีใต้ ซึ่งรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนอย่างเด่นชัดว่าจีนสามารถใช้อิทธิพลทางเศรษฐกิจในด้านนี้เป็นเครื่องมือกดดันชาติอื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะประเทศที่พึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก
