ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา องค์การอนามัยโลก กำหนดโรคใหม่ขึ้นมา 2 โรค บรรจุลงในคู่มือการวินิจฉัยโรคของแพทย์ นั่นคือโรคติดเกมและโรคเมื่อยล้าหมดไฟ ทั้ง 2 โรคนี้จะเริ่มมีการวินิจฉัยอย่างจริงจังในอีก 3 ปีข้างหน้า
ที่ประชุมองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการพิจารณาโรคใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกใบนี้
เรามาเริ่มกันที่ การลงมติเอกฉันท์ให้พฤติกรรมติดการเล่นเกมเป็นอาการป่วยทางจิตชนิดหนึ่ง แต่ก่อนจะชี้ว่าใครมีอาการป่วย องค์การอนามัยโลกให้คำจำกัดความว่า การติดเกมที่เข้าข่ายอาการป่วยทางจิต คือผู้ที่มีพฤติกรรมเล่นเกมต่อเนื่องยาวนาน จนการเล่นเกมมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นๆ ที่มีประโยชน์ในชีวิต และไม่สามารถหยุดเล่นเกมได้ แม้ว่าจะก่อให้เกิดผลเสียในชีวิต
พร้อมยกตัวอย่างงานวิจัยที่พบผู้เล่นเกมหลายคนที่เล่นเกมมากถึง 20 ชั่วโมงต่อวัน จนละทิ้งการพักผ่อน กินอาหาร เรียน ทำงาน และกิจวัตรอย่างอื่นในชีวิต ซึ่งถือว่าเข้าข่ายอาการป่วยทางจิตและต้องได้รับการรักษา
มตินี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2022 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า และหลังจากนี้ จะมีการศึกษาวิธีการบำบัดและวิธีการรักษาผู้ที่มีอาการติดเกม รวมทั้งมาตรการป้องกันออกมาควบคู่กันไปด้วย
โรคที่ 2 ที่องค์การอนามัยโลกระบุในคู่มือวินิจฉัยโรคระหว่างประเทศ ว่าต้องทำการรักษา คือ ‘ภาวะเมื่อยล้าหมดไฟ’ ที่เกิดขึ้นจากการทำงาน จนเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้น กำหนดเป็นสภาวะที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์เป็นครั้งแรก
ลักษณะอาการที่เข้าข่ายมีภาวะเมื่อยล้าหมดไฟ ต้องเป็นไปตามนี้ค่ะ 1.รู้สึกหมดไฟ เหนื่อยล้า พลังชีวิตหดหาย 2. มีความรู้สึกไม่อยากทำงาน ต้องการมีระยะห่างหรือมีทัศนคติเชิงลบต่องานที่เกี่ยวข้อง และ 3. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
ในขณะเดียวกันที่ประชุมองค์การอนามัยโลก ก็มีข่าวดีให้กับกลุ่ม LGBT ทั่วโลก เพราะที่ประชุมมีมติให้ถอดภาวะข้ามเพศออกจากกลุ่มบัญชีโรคความผิดปกติทางจิตนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ทำให้กลุ่มคนข้ามเพศไม่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่มีปัญหาทางจิต ถือเป็นการปรับปรุงกลุ่มบัญชีโรคความผิดปกติทางจิตครั้งแรกในรอบ 29 ปีขององค์การอนามัยโลก