รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563
“เพื่อไทย” แพลมชื่อ ส.ส. จ่อซัดรัฐบาล “บิ๊กตู่” มีชื่อ ส.ส.เอลวิส “ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ” รวมถึง “ยุทธพงศ์ จรัสเสถียร” ที่แย้มๆ เรื่องที่โรงงานยาสูบ ส่วน “เฉลิม” เมินทีมโต้ฝ่ายค้าน-องครักษ์พิทักษ์นายกฯ บอก “พวกนางงามตกรอบ” ขณะที่ทีมรัฐบาลก็พร้อม ใช้ทีมคนไทยรักไทย – เพื่อไทย ที่ปันใจย้ายมา พปชร. คอยโต้ แถมจะขุดถึงสมัย “ทักษิณ”
พรรคพลังประชารัฐ จัดประชุมทีมผู้สนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีนายจำลอง ขุนทด เป็นประธานการประชุม มีผู้ร่วมประชุม อาทิ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม , น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่ิอ , นายทศพล เพ็งส้ม กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ประจำสักนักนายกรัฐมนตรี หารือถึงการเตรียมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยที่ประชุม ได้มอบหมาย นายทศพล รับผิดชอบเป็นหัวหน้าทีมฝ่ายกฎหมาย ติดตามเนื้อหาการอภิปราย หากมีการพาดพิงใส่ร้าย และสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จให้เกิดความเสียหาย
ขณะที่ นายสามารถ บอกว่า อยากให้สังคมรับฟังเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าเขาพูดถึงนายกรัฐมนตรี เรื่องที่ดิน เราต้องสวนกลับหรือไม่ว่า ในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณมีการทำกันอย่างไร รวมถึงเรื่องผลประโยชน์การเช่าที่ดิน 50 ปี ซึ่งตรงนี้ถ้าสวนได้ ก็เหมือนเขายิงเราหมัดเดียว แต่เราชกเขา 3 ที โดยเขาจะเลิกชก เพราะเขารู้แล้วว่า พูดมาเรามีข้อมูล เหมือนการเก็งข้อสอบ ดังนั้นการเก็งข้อสอบเราก็ต้องเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพราะถ้าเขาออกอาวุธมา เราจะได้มีข้อมูลโต้ตอบทันที
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ขออนุญาตหัวหน้าและเลขาธิการพรรค ให้ชื่อการอภิปรายครั้งนี้ว่า “ยุทธการอรุณรุ่ง” แต่ไม่เปิดเผย รายละเอียดและความหมาย ขอให้ประชาชนติดตามจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะรู้เอง
พร้อมย้ำว่า แม้เสียงในสภาของฝ่ายค้านจะแพ้ในการลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลแต่การอภิปรายจะทำให้คนในรัฐบาลอาย ถึงขั้นต้องสวมหน้ากากอนามัยเดินตามท้องถนนแม้ว่าไวรัสโคโรนาหมดไปแล้วก็ตาม
ร.ต.อ. เฉลิม ยังไม่ให้ราคา คณะองครักษ์พิทักษ์รัฐบาล พร้อมตั้งฉายาให้ว่าเป็นทีม “นางงามตกรอบ” ที่สำคัญยังไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะอภิปรายประเด็นอะไรแต่กลับออกมาข่มขู่ว่าเตรียมตอบโต้และ เปิดเผยความผิดของฝ่ายค้านไว้แล้ว ซึ่งยืนยันว่า พรรคฝ่ายค้านไม่เคยกลัว ไม่เหมือนพรรคพลังประชารัฐที่มีปัญหาอยู่หลายคน และรัฐมนตรีบางคนเป็นผู้ต้องหาก็ยังไม่ยอมมอบตัว จะคอยดูว่าหลัง ปิดสมัยประชุมสภาฯ จะใช้เอกสิทธิ์อะไรคุ้มครอง
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวถึงความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า ขณะนี้ความพร้อมอยู่ที่ 95% แต่ละพรรคกำลังตรวจสอบความพร้อม ในส่วนของเนื้อหาข้อมูลกันครั้งสุดท้าย ส่วนรายชื่อผู้อภิปรายแบบสมบูรณ์นั้น จะเคาะครั้งสุดท้ายในวันพฤหัสบดีนี้ (20 ก.พ. 63)
นายสุทิน กล่าวต่อว่า ในการอภิปรายครั้งนี้ ส่วนใหญ่ก็จะเป็น ส.ส.หน้าใหม่ หน้าเดิมก็จะเป็นทางฝั่งของพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาชาติบางคน สัดส่วนผู้อภิปรายจะอยู่ที่ 34-35 คน เมื่อถามถึงว่า ในบางประเด็นที่มีการเปิดเผยออกมาก่อนหน้านี้ ว่าบางเรื่อง รัฐบาลมีส่วนในการเอื้อกลุ่มเจ้าสัว ข้อมูลส่วนนี้จะส่งผลต่อรัฐบาลได้หรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า เป็นเพียงตัวอย่างบางตอน ที่จะให้สังคมสนใจและติดตาม แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีผลต่อรัฐบาล ซึ่งคนที่นำมาเปิดเผย อาจจะต้องการให้ประชาชนร่วมตรวจสอบไปด้วยกัน เพราะการอภิปรายครั้งนี้ เข้าใจว่าจะเป็นการอภิปรายแบบมีส่วนร่วม ระหว่างประชาชน และสภาฯ ส่วนความผิดเรื่องดังกล่าว หรือเรื่องอื่นๆนั้น จะมีการนำไปสู่ ปปช. ด้วยหรือไม่ นายสุทิน บอกว่า มีไม่ต่ำกว่า 5 เรื่อง จะเป็นการชี้ให้เห็นถึงการทุจริต ,การประพฤติมิชอบ และการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
นายสุทิน ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติม ถึงการเตรียมความพร้อม ก่อนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า พรรคร่วมฝ่ายค้าน จะมีการสัมมนา ในช่วงวันพฤหัสที่ 20 ถึง วันอาทิตย์ที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ แต่จะเป็นการแยกสัมนา ไม่ได้เข้าร่วมทีเดียวทั้งหมด ส่วนเรื่องของสถานที่ ไม่ขอเปิดเผย
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจถือเป็นเรื่องปกติในระบบรัฐสภา ไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์จะแสดงอาการหวั่นวิตกกับการถูกตรวจสอบครั้งแรกในรอบ 6 ปี มากขนาดนี้ / ถึงขนาดที่ แกนนำ พปชร. ต้องไประดม ส.ส.ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาตั้งวอร์รูมเพื่อขู่จะสวนกลับฝ่ายค้าน หรือขู่จะขุดคุ้ยข้อมูลมาโจมตีผู้อภิปรายบ้าง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ใครๆก็ดูออกว่าเป็นการจงใจเล่นเกมนอกสภาอย่างชัดเจน และไม่สนใจความชอบธรรมและกระบวนการที่ถูกต้องของระบบรัฐสภา