ชิลีตั้งเป้าจะนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในประเทศให้มากขึ้นกว่าเดิม 10 เท่า ในอีก 4 ปี เพื่อปฏิวัติระบบขนส่งในประเทศ ไปพร้อมกับการลดมลพิษ
ปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา รถเมล์พลังงานไฟฟ้ารวม 100 คันจากจีนได้ถูกขนส่งมายังท่าเรือของชิลีเป็นชุดแรก โดยทางการชิลีตั้งเป้าไว้ว่าจะนำรถพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในประเทศเพิ่มขึ้น 10 เท่า ภายในปี 2022 ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถแท็กซี่ สกูตเตอร์ รวมถึงรถบรรทุกที่ใช้ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เพื่อลดปัญหาควันพิษในกรุงซานติอาโก ซึ่งโครงการนี้ได้ส่งให้ชิลีกลายเป็นผู้นำด้านการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาดในภูมิภาคลาตินอเมริกา รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม ราคายานยนต์ไฟฟ้าในปัจจุบันยังค่อนข้างสูง และชิลีมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเพียง 40 แห่งเท่านั้น โดยครึ่งหนึ่งอยู่ในเมืองหลวงซานติอาโก แต่ข้อมูลจากกระทรวงคมนาคมของชิลีเผยว่า ยานยนต์ไฟฟ้าจะมีค่าดูแลและซ่อมบำรุงน้อยกว่ารถยนต์ใช้น้ำมันราว 70% ซึ่งทางการชิลียังยกเว้นภาษีสิ่งแวดล้อมให้กับผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงยังสนับสนุนให้แท็กซี่หันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นเช่นกัน
องค์การสหประชาชาติคาดการณ์ว่า หาก 22 ประเทศในลาตินอเมริกาเปลี่ยนมาใช้รถเมล์และแท็กซี่พลังงานไฟฟ้าทั้งหมดตั้งแต่ตอนนี้ ภายในปี 2030 จะประหยัดพลังงานได้มากถึง 64,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2 ล้านล้านบาท และจะมีการปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศน้อยลงราว 300 ล้านตัน