ไมโครซอฟต์ เปิดเผยผลสำรวจว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่บางครั้งไม่ช่วยให้พนักงานทำงานได้มากขึ้น ซึ่งการดูคลิปแมวในโซเชียลมีเดียนั้นอาจทำลายสมาธิในการทำงานไปไม่น้อย บริษัทจึงควรส่งเสริมให้พนักงานมีความรู้ด้านเทคโนโลยีมากขึ้น
ไมโครซอฟต์ บริษัทเทคโนโลยีชื่อดัง ได้สำรวจความคิดเห็นของพนักงานบริษัทในยุโรปกว่า 20,000 คน เรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในที่ทำงาน ก่อนค้นพบว่า ในบางครั้งเทคโนโลยีนั้นไม่ได้ช่วยให้ทำงานได้มากขึ้น แต่กลับทำให้พนักงานสนใจงานที่ทำน้อยลง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือเป็น 'Productivity Paradox' ซึ่งหมายถึง การที่บริษัทลงทุนด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยหวังสร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ แต่ในความจริงแล้วกลับไม่ได้ผลตามคาด เพราะนอกจากจะไม่ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นแล้ว พนักงานยังทำงานน้อยลงอีกด้วย ไมโครซอฟต์ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองเรดมอนด์ วอชิงตัน จึงร่วมมือกับ บริษัทในซิลิคอนวัลลีย์ และผู้ประกอบการต่าง ๆ ตั้งคำถามในประเด็นนี้ ไม่ต่างจากเฟซบุ๊ก ที่เคยออกมาเตือนผู้ใช้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ถึงภัยของโซเชียลมีเดียที่อาจส่งผลเสียด้านจิตวิทยา
การสำรวจของไมโครซอฟต์ยังเผยว่า เทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อการทำงานเกิดได้หลายทาง เช่น การแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่องของอีเมล ข้อความจากแอปพลิเคชั่นแชตออนไลน์ ข้อความทวิตเตอร์ รวมถึงคลิปไวรัลแมว ที่ทำให้พนักงานมีสมาธิในการจดจ่อกับงานน้อยลง ซึ่งหากแรงงานไม่ได้รับการฝึกอบรมที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อบริษัทมากขึ้น นอกจากนัั้น ยังรวมถึงการที่อุปกรณ์สำนักงานไม่เอื้อต่อการทำงาน และพนักงานหลายคนยังรู้สึกทรมาน เนื่องจากอุปกรณ์เทคโนโลยีพกพาต่าง ๆ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าต้องทำงานอยู่ตลอดเวลา
โดยไมโครซอฟต์ได้เสนอให้บริษัทต่าง ๆ สร้างวัฒนธรรมดิจิทัลที่แข็งแกร่งให้กับองค์กร ด้วยการฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้และทักษะทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกต้อง และให้ผู้บริหารนำเสนอพนักงานให้ชัด เกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของบริษัทด้านเทคโนโลยี