เว็บไซต์ข่าว Bloomberg รายงานว่าในปี 2025 หรืออีก 7 ปีข้างหน้า รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าจะมีราคาถูกกว่ารถที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง เนื่องจากต้นทุนแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะถูกลง
รายงานของ Bloomberg New Energy Finance ระบุว่า รถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีราคาถูกลง โดยในปี 2024 จะมีราคาเท่ากับรถที่ใช้พลังงานการเผาไหม้จากเชื้อเพลิงปิโตรเลียม และหลังจากนั้นเพียงหนึ่งปี คือปี 2025 ราคาจะถูกกว่ารถใช้น้ำมัน เพราะแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจะมีราคาถูกลง ในขณะที่ความต้องการโลหะเพื่อเข้าสู่สายการผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้น
โดยปัจจุบัน การผลิตยานพาหนะไฟฟ้าเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่หลายประเทศและบริษัทต่าง ๆ มีความพยายามที่จะลดปัญหาหมอกควัน และตั้งเป้าหมายลดปัญหามลพิษทางอากาศตามข้อตกลงปารีส // นอกจากนั้น ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา สภาอังกฤษยังเริ่มสำรวจตลาด เพื่อนำความเห็นที่ได้ไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า และพยายามที่จะยุติการจำหน่ายรถยนต์เบนซินและดีเซลภายในปี 2040
นอกจากนี้ รายงานของ Green Alliance ระบุว่า อีกแรงจูงใจของการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็คือ การที่สหราชอาณาจักรจะสามารถลดการขาดดุลทางการค้าได้ถึง 5 พันล้านปอนด์ หรือราว 2 แสน 2 หมื่นล้านบาท // โดยกองทุนสัตว์ป่าโลกยังระบุว่า การเลิกใช้รถน้ำมันเบนซินและดีเซล จะทำให้เกิดตำแหน่งงานใหม่อีกกว่า 14,000 ตำแหน่งในอุตสาหกรรม ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้ได้ยื่นรายงานเรียกร้องให้สหราชอาณาจักรแบนการใช้รถน้ำมันภายในปี 2030
นอกจากนั้น ประเทศยักษ์ใหญ่ที่ประสบปัญหามลพิษมากที่สุดในโลกอย่างจีน ยังมีความพยายามที่จะเป็นผู้นำด้านพาหนะไฟฟ้า และมีเศรษฐีชาวจีนเจ้าของบริษัท Zhejiang Geely Holding Group Co ได้ทุ่มงบกว่า 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2 แสน 8 หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นของบริษัทรถ Daimler AG ในการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้าอีกด้วย
โดยคาดว่าจะมีการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไออนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้ราคาแบตเตอรี่อยู่ในระดับต่ำ ประมาณ 70 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2,187 บาทต่อกิโลวัตต์ในปี 2030 ซึ่งถือว่าถูกลงมากหากเทียบกับราคาในปี 2017 ที่ 208 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 6,500 บาทต่อกิโลวัตต์ โดยลดลงกว่า 2 ใน 5 ของต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมด