เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โลกเราได้เสียนักฟิสิกส์มากความสามารถ อย่าง สตีเฟน ฮอว์กิง ไปด้วยวัย 76 ปี ไปย้อนดูว่าในช่วงที่สตีเฟน ฮอว์กิงมีชีวิตอยู่ เขาเคยให้ความเห็นเกี่ยวกับพระเจ้า สวรรค์ และความตายอย่างไร
สตีเฟ่น ฮอว์กิง ป่วยด้วยโรค ALS หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ตั้งแต่เขาอายุเพียง 21 ปี โดยที่หมอบอกว่าเขาจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหลังจากนั้น แต่นักฟิสิกส์ผู้เก่งกาจคนนี้ก็ท้าทายคำคาดการณ์นั้นด้วยการดำรงชีวิตอยู่ต่อไปถึงอีก 50 ปี ก่อนที่จะมาเสียชีวิตด้วยวัย 76 ปี
ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ฮอว์กิงเคยให้สัมภาษณ์สำนักข่าว The Guardian ไว้ในปี 2011 ว่า ความตายไม่เคยหายไปจากความคิดของเขาเลย เขาอยู่ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองจะต้องตายมาตลอด แม้ว่าเขาจะไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนอยากจะจากโลกนี้ไป เพราะยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างให้ทำอีกมาก
ฮอว์กิงไม่เชื่อในการมีอยู่ของสวรรค์ เขาบอกว่าสมองของเราคือคอมพิวเตอร์ที่หยุดทำงานเพื่อองค์ประกอบอื่นๆ ล้มเหลว ชีวิตหลังความตายนั้นไม่มีอยู่จริง สวรรค์เป็นเพียงแค่เทพนิยายสำหรับคนที่กลัวความมืดเท่านั้น
ในหนังสือเรื่อง theory of everything ฮอว์กิงเคยเขียนถึงชื่อของพระเจ้าเอาไว้ แต่ในงานเขียน The Grand Design ซึ่งเขาเขียนร่วมกับ "เล็นเนิร์ด มโลว์ดินาว" ในปี 2010 เขาได้ชี้แจงว่าเขาไม่ได้หมายถึงพระเจ้าในแบบที่คนเข้าใจกันดั้งเดิม ในความคิดของเขา พระเจ้าเป็นชื่อที่คนตั้งขึ้นมาเพื่อหาเหตุผลในการมีอยู่ของตัวเอง ซึ่งฮอว์กิง มองว่าเหตุผลที่ว่าน่าจะเป็นกฎแห่งฟิสิกส์ มากกว่าจะเป็นพระเจ้าในแบบที่คนสวดอ้อนวอนกันทุกวันนี้
ฮอว์กิงมองว่าตัวเองเป็นคนไม่มีศาสนา เขาบอกว่าในยุคก่อนที่เราจะเข้าใจวิทยาศาสตร์ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เราจะคิดไปว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างสรรค์จักรวาลนี้ขึ้นมา แต่ตอนนี้วิทยาศาสตร์สามารถให้คำอธิบายที่น่าเชื่อถือกว่านั้นได้แล้ว และสำหรับเขาพระเจ้าไม่มีอยู่จริง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าฮอว์กิงจะไม่เชื่อเรื่องพระเจ้า หรือการสร้างโลก แต่เขาเชื่อว่าจักรวาลและชีวิตล้วนมีความหมาย ในบทสัมภาษณ์กับ New York Times สตีเฟ่น ฮอว์กิง บอกว่า เราควรเงยหน้ามองดาว ไม่ใช่ก้มดูเท้า และจงมีความกระหายใคร่รู้ว่าความหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร และแม้ว่าชีวิตจะยากเย็นแสนเข็นแค่ไหน จะมีบางอย่างที่เราสามารถทำได้และประสบความสำเร็จได้เสมอ