จากกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คสช. แต่งตั้งนักการเมืองเป็นที่ปรึกษา และผู้ช่วยรัฐมนตรี จนเกิดกระแสการวิพากษ์วิจารณ์ หนึ่งในนั้นก็มี พุทธะอิสระ อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย และ แกนนำกปปส. ซึ่งได้โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กแสดงความเห็นว่า
''...เรื่องข่าวบุคคลในรัฐบาล คสช. เปิดช่องให้อดีตนักการเมือง เข้ามาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีเพื่อปูทางให้ชนะการเลือกตั้งในครั้งหน้า 'พุทธะอิสระ' ได้รับฟังคำปรารภของพี่น้อง ที่เขาร่วมสู้ ร่วมเสียสละ จึงได้มาซึ่งวันนี้ เขาต่างบ่นให้ฟังด้วยความเป็นห่วงเป็นใยภาพลักษณ์ของรัฐบาล คสช. และหลวงพ่อประยุทธ์ จันทร์โอชาว่า “จักไปเข้าทางคนพาลเสียแหละกระมั่ง”
หากคิดว่าการจะชนะการเลือกตั้ง แล้วกลับมามีอำนาจได้ต้องกวาดต้อนคนพาลให้เข้ามาเป็นพวก เช่นนั้นมันจะต่างอะไรกับนายทักษิณ ที่สมัยตั้งพรรคใหม่ๆ มีคนเคยทักท้วงว่า ผู้ที่นายทักษิณไปชวนมาร่วมพรรค ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมไม่ต่างอะไรกับมหาโจร เป็นคนพาลทั้งนั้น
จำได้ว่า นายทักษิณพูดว่า หากคบกับโจร ใช้โจร แล้วทำให้ชนะการเลือกตั้งได้ ก็ถือว่าคุ้ม อะไรประมาณนี้แหละ เหมือนกับคำพูดของประธานเหมาของจีนที่ว่า แมวถ้าจับหนูได้ ไม่ว่าจะเป็นแมวสีอะไรก็ล้วนมีประโยชน์ทั้งนั้น หรือว่าคำพูดเหล่านี้ คสช. จักยืมมาใช้เพื่อสืบทอดอำนาจด้วยการไปกวาดคนพาลมาเข้าฝูง
ขอบอกว่า พวกเราไม่ได้เชื่อนายทักษิณ พวกเราคนไทยไม่ได้เชื่อประธานเหมา แต่พวกเราเชื่อพระพุทธเจ้า ที่ทรงสอนเอาไว้ว่า อย่าคบคนพาล จงคบแต่บัณฑิต ทั้งยังทรงสำทับอีกว่า “การคบคนพาล นั่นเท่ากับว่าการคบศัตรู”
เวลานี้คนไทยไม่ได้โง่เหมือนแต่เก่าแล้ว คนไทยส่วนใหญ่รู้ตื่น จากอำนาจมืดของคนพาลแล้ว ฉะนั้น แม้บริวารหรือคนรอบข้างของหลวงพ่อประยุทธ์ จักเที่ยวไปกวาดต้อนบรรดานักการเมืองที่มีประวัติทั้งที่พอจะรับได้ และเลวจนถึงขนาดคนได้ยินชื่อก็สะอิดสะเอียน เอาเข้ามาอยู่ในก๊วนการเมืองของคนใกล้ชิด คสช. และใกล้ชิดหลวงพ่อประยุทธ์เพื่อชนะการเลือกตั้ง แล้วไอ้ที่หลวงพ่อประยุทธ์เทศน์ เอาไว้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เรื่อง หิริ ความละอายชั่ว โอตัปปะ ความเกรงกลัวบาปล่ะ มันมิอาจนำมาใช้กับการเลือกคนเข้าพรรคดอกหรือ
ที่เขียนมานี้ก็ด้วยความเป็นห่วง พวกเราคนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ไม่อยากให้เห็นเทวดาตกสวรรค์ เป็นผู้ล้มเหลวในความละอาย''