ไม่พบผลการค้นหา
Talking Thailand - 'ปารีณา' เหยียด 'บุ๋ม-ปนัดดา' แต่งโป๊-หลายผัว...'คำผกา' ถามหนักหัวใคร!! - Short Clip
Jun 4, 2020 15:19

รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 4 มิถุนายน 2563

“ปารีณา” เปิดศึกสร้างเรื่องไม่หยุดหย่อน “อ.วิโรจน์” ชี้แค่แชร์มุมมองกฎหมายคดี “ข่มขืน” ก็จบ ไม่เห็นจะต้องแขวะ “บุ๋ม-ปนัดดา” ทั้งเรื่องแต่งกาย และการคบหาเพื่อนชาย “คำผกา” ถาม “แต่งตัวโป๊ มีสามีหลายคน” แล้วหนักหัวใคร พูดขำๆ ชวน “บุ๋ม-ปนัดดา” ลงภาพเซ็กซี่รัว ๆ 

“อ.วิโรจน์” สงสัย จู่ ๆ มีกระแส หวังกลบ “วีรกรรม “พ่อ” ซุกที่-ไอ้เข้พันตัว” ที่ “วีระ สมความคิด” ไปเจอพร้อมซากหมาอีกเป็นเบือ หรือไม่

กลายเป็นเรื่องร้อนในโซเชียลมีเดียกรณีที่กรณีที่บุ๋ม - ปนัดดา วงศ์ผู้ดีดาราพิธีกรชื่อดัง ในฐานะสมาชิก คณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทำชำเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ โดย บุ๋ม ปนัดดา โพสต์เล่าในอินสตาแกรม (IG) ของตนเองว่า ขณะนี้กำลังพยายามแก้ไขปัญหาการคุกคามทางเพศ ให้มีบทลงโทษตามกฎหมายอาญา และไม่ใช่แค่เพียงลงบันทึกประจำวันอีกต่อไป / ต่อมา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ได้โพสต์แย้งว่า เรื่องข่มขืนเป็นคดีอาญาอยู่แล้ว ลงท้ายทำนองกระทบกระเทียบดาราสาวมีสามีหลายคน

บุ๋ม ปนัดดา ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าวระบุว่า "เข้าโซเชียลด้วยความมึนงง เมื่อส.ส.ท่านหนึ่งพาดพิงถึง อยากเรียนให้ทราบว่า ก่อนจะมาแซะบุ๋ม #อย่าอ่านแต่พาดหัว" ทุกคนทราบค่ะ ว่าคดีข่มขืนเป็นคดีอาญา แต่ที่พวกเราพยายามผลักดันคือ คดีคุกคามก่อกวน ที่ยังไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้น เช่น Stalker ไล่ตามผู้หญิงทั้งมีชื่อเสียงและไม่มี มันเสี่ยงต่อความปลอดภัยในชีวิต

กว่าจะมีกฎหมายออกมาแต่ละอย่างออกมา ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องมองให้ครบทุกด้าน แต่เวลาที่มีผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้มีประสบการณ์ ทำงานหลากหลายอาชีพที่เกี่ยวข้องมารวมตัวกัน มันทำให้ทุกอย่างไม่ยากเกินไปเพราะเป้าหมายคือความถูกต้องและผลประโยชน์ของประชาชน

ส่วนตัวบุ๋มเองที่ต้องทำงานกับ 3 คณะ อย่างน้อยเกือบสองวันที่หายไปจากรายการทีวี มันคืองานที่ได้เงินเห็นๆ "แต่บุ๋มคิดว่า ถ้ามันทำให้ผู้หญิงและเยาวชนปลอดภัยขึ้นได้ บุ๋มว่ามันคุ้ม! คุ้มที่ได้เกิดมาแล้วมีประโยชน์ต่อประชาชน ดังนั้นบุ๋มจึงไม่มีเวลาว่างมากพอที่จะมานั่งทะเลาะกับใคร #ถ้าไม่ฉลาดให้อยู่เงียบๆ #เดี๋ยวทำบุญไปให้"...

ต่อมา น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์สื่อ ชี้แจงว่า เริ่มจากไปเห็นที่เว็บที่พูดถึงน.ส.ปนัดดา ส่วนตัวก็โพสต์ไปเพราะอยากให้คนเป็นดาราพูดอะไรต้องระวัง เพราะสังคมจะเข้าใจผิด เป็นเรื่องของการโพสต์ทำนองว่าข่มขืนหรือการคุกคามไม่สามารถดำเนินคดีได้ ซึ่งจริงๆแล้ว ดำเนินคดีได้

น.ส.ปารีณา ชี้แจงต่อว่า ในพื้นที่ที่เป็น ส.ส.ก็มีที่โรงพักเยอะ ซึ่งคดีข่มขืนปัจจุบันมีการเพิ่มโทษ และคดีคุกคามก็มีทั้งติดคุก แต่ถ้าแค่ลงบันทึกก็จะไม่เป็นคดีอาญา อยู่ที่ว่าจะลงบันทึกประจำวันหรือแจ้งความเพื่อลงคดีอาญา ซึ่งมี 2 ประเภท และยืนยันว่า ไม่ได้อ่านแค่พาดหัวข่าว แต่ไม่อยากให้ประชาชนเข้าใจผิดไปลงบันทึกประจำวัน แทนที่จะแจ้งความ ซึ่งต้องรวบรวมพยานหลักฐานไปไต่สวนในชั้นศาล "ฝากไปบอก บุ๋ม ปนัดดา ว่า อยากให้มีความระมัดระวังในการพูด ซึ่งนางสาวปนัดดาไม่ใช่กรรมาธิการ แต่เป็นแค่ที่ปรึกษา กมธ."

ล่าสุด บุ๋ม ปนัดดา ได้โพสต์เฟซบุ๊กอีกว่า นี่เป็นโพสต์สุดท้ายที่บุ๋มจะตอบโต้คุณ เพราะคิดว่าต่อให้เขียนไป คุณก็ไม่น่าเข้าใจ เสียเวลาชีวิตค่ะ แต่ที่ต้องชี้แจง เพราะอยากให้สังคมเข้าใจกรอบของคำว่าคุกคามทางเพศ อย่างการล้อเลียนเรื่องครอบครัวคนอื่น #ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ล้อเลียนเรื่องรูปลักษณ์ แม้กระทั่งเรื่องต่ำๆ อย่างล้อเลียนเรื่องกลิ่น ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จนผู้อื่นได้รับความอับอาย #ทั้งที่ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่เรากำลังถกกัน #แถวบ้านเรียกผีเจาะปากมาพูด


หน้าที่ของดารา นักแสดง นางแบบและพิธีกร คือให้เกียรติทีมงาน สวมชุดที่คอสตูมเลือกให้ และรับบทบาทหน้าจอให้เต็มที่ การที่จะมีส.ส.รับเงินเดือนจากภาษีประชาชน มานั่งวิจารณ์ชุดหรือผลงานของชาวบ้านเพื่อลดทอนคุณค่าความเป็นมนุษย์ของคนอื่น บุ๋มก็คงได้แต่ส่ายหัวค่ะ สิ่งนี้นอกจากจะเข้าข่ายผิดกฎหมายหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ยังเป็นการคุกคามทางเพศทำเพื่อให้ผู้อื่นอับอาย เป็นคนธรรมดา ทำแบบนี้ก็ถือว่าพร่องการอบรม แต่ถ้าเป็นถึงสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ก็ได้แต่บอกว่าหมดคำพูด


บุ๋มไม่เข้าใจว่า การที่บุ๋มออกมายืนหยัดต่อสู้ เพื่อผู้หญิง ที่ไม่มีปากไม่มีเสียงในสังคม มันทำให้คุณไม่พอใจด้วยเหตุใด ถึงต้องโพสต์โจมตีบุ๋มหลายต่อหลายครั้ง บุ๋มคงไม่ลดตัวไปแลก ด้วยการขุดเรื่องครอบครัว หรือสิ่งที่คุณเคยกระทำในอดีตกับผู้อื่น แต่ให้สังคมตัดสินแทนเองนะคะ #หงายมือรอส่วนบุญเลยค่ะ #เดี๋ยวกรวดน้ำไปให้


ขณะที่ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน โพสต์เอกสารและข้อความว่าจะพาพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ไปชี้แนวเขตที่ดินของ นายทวี ไกรคุปต์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บิดาของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โดยกล่าวอ้างว่า บุกรุกครอบครองที่ป่าไม้ถาวรที่ป่าสงวนแห่งชาติ บริเวณพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นั้น


ล่าสุดวันนี้ (4 มิ.ย. 2563) พ.ต.อ.ศราณุ โสมทัต ผกก.5 บก.ปทส. พร้อมพนักงานสอบสวน บก.ปทส. พนักงานสอบสวน สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. นายสุชาติ บัวบาง เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.ราชบุรี เจ้าหน้าที่ สปก.ราชบุรี และ นายวีระ ในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ นำหมายค้นศาลจังหวัดราชบุรี ที่ 74/2563 ลงวันที่ 2 มิ.ย. 2563 ระบุว่าให้ค้นสถานที่บริเวณบ้านหนองมะค่า หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี อาคารสิ่งปลูกสร้างพื้นที่ ปรากฏตามแผนที่แนบท้ายหมายค้น เพื่อพบและยึดสิ่งของ อาคารสิ่งปลูกสร้างพื้นที่ถูกบุกรุก ตลอดจนเครื่องจักรและเครื่องมือในการกระทำความผิด ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณา และเพื่อทราบจำนวนที่ดิน ประเภทที่ดิน และแนวเขตที่ดินแปลงที่เกิดเหตุ


ทั้งนี้ พื้นที่เข้าตรวจค้นเป็นพื้นที่ซึ่ง นายทวี ถือครองทำประโยชน์ โดยเจ้าหน้าที่ได้เดินจากประตูริมถนนสายราชบุรี-สวนผึ้ง ไปประมาณ 100 เมตร ได้กลิ่นเหม็นคละคลุ้ง เมื่อตรวจสอบบริเวณคูน้ำในป่าละเมาะ พบซากกะโหลกของสัตว์ที่มีความคล้ายคลึงกับสุนัข และกองโครงกระดูกของสัตว์ ใกล้กันบริเวณเชิงเขา พบตู้แช่ถูกทิ้งจำนวนมาก และข้างตู้แช่ในบ่อมีเอกสารสำคัญทางราชการหลายรายการ นอกจากนี้ ยังมีหมายศาลที่เชิญบุคคลที่เกี่ยวของกับ นายทวี และ น.ส.ปารีณา ไปไกล่เกลี่ยที่ศาล และพบเอกสารเกี่ยวกับการเช่าที่ดินอีกหลายรายการ หลังโฉนดพบมีชื่อ น.ส.ปารีณา เป็นผู้ที่ครอบครอง เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมเป็นหลักฐานเพื่อตรวจสอบ จากนั้นเดินเข้าตรวจสอบโรงเลื่อยไม้ และบ่อซีเมนต์เลี้ยงจระเข้ ตามที่ขออนุญาตเลี้ยงไว้กับทางกรมประมง จำนวน 1,050 ตัว ภายในบ่อยังมีจระเข้จำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้ถ่ายภาพ และบันทึกรายละเอียดเป็นหลักฐาน เพื่อตรวจสอบและดำเนินการต่อไป


สำหรับที่ดินบริเวณที่เข้าตรวจสอบตามที่ นายวีระ แจ้งความที่ สภ.สวนผึ้ง คดีอาญาที่ 419 / 2562 ให้ดำเนินคดีกับ นายทวี ในพื้นที่หมู่ 9 ต.ท่าเคย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เพราะเชื่อว่ามีการบุกรุกครอบครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมา ทางศูนย์ป่าไม้ราชบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจที่ดิน พบการบุกพื้นที่ของรัฐรวม 7 แปลง พื้นที่ 1,039 ไร่ 2 งาน 92 ตารางวา เป็นพื้นที่ถูกบุกรุกถือครอง 5 แปลง อยู่ในเขตพื้นที่กรมป่าไม้ดูแลรับผิดชอบ เนื้อที่รวม 392-3-32 ไร่

Voice TV
กองบรรณาธิการ วอยซ์ทีวี
181Article
60261Video
0Blog