รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 30 มีนาคม 2563
“ส.ส.เชียงใหม่” เพื่อไทย (ยกเว้นศรีนวล) อยู่ไหน! คนเมืองอย่าง “คำผกา” ถามหา หลังไฟป่า เชียงใหม่ลุกลาม ทำค่ามลพิษสูง ต้องออกช่วยชาวบ้านได้แล้ว ชี้ลามเข้าใกล้เขตเมือง ยิ่งไม่ปลอดภัย จี้ “วราวุธ” ศึกษาข้อมูลไฟป่าภาคเหนือจริงจัง“ใบตองแห้ง” ชี้ยิ่งทำให้คนเห็นภาพไฟป่า ยิ่งกระตุ้นจิตสำนึก ขอรัฐอย่าปกปิด
นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า จากการที่ได้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27-28 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่า ประชาชนส่วนหนึ่งในพื้นที่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการดับไฟ แต่ขณะเดียวกันมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีจำนวนหนึ่ง ที่คิดว่าการเผาเพื่อหาของป่า แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาในอุทยานสุเทพ-ปุย นั้นเป็นการป่วน สร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวาย ซึ่งไม่ทราบจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าเผาเพื่ออะไร
ขอโทษชาวจังหวัดเชียงใหม่และชาวจังหวัดในภาคเหนือหลายจังหวัด และเห็นใจที่จะต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่ เฮลิคอปเตอร์ของทุกส่วนราชการ นำน้ำมาดับไฟทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
เจ้าหน้าที่ก็เดินเท้าทำงานกันอย่างเต็มที่ อุปกรณ์ เครื่องมือก็จัดส่งกันไปอย่างเต็มที่ประกอบกับใช้อากาศยานไร้คนขับช่วยลาดตระเวน เพิ่มศักยภาพให้มากขึ้น พร้อมกับส่งชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปพูดคุยกับชาวบ้านที่อยู่ในเขตป่า เขตอุทยาน เพื่อให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ ขอยืนยันว่าทุกหน่วยงานทำงานอย่างเต็มที่เพื่อที่จะดับไฟป่าให้ได้
นายวราวุธ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์ไฟป่าทางภาคเหนือเข้าสู่สภาวะวิกฤต มีความหนักหนาสาหัส พี่น้องประชาชนในเขตเมืองได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้โยกกำลังจากภาคใต้กว่า 2,000-3,000 นายขึ้นไปช่วย แต่พื้นที่ป่านับแสนนับล้านไร่ ดังนั้น คน4,000-5,000 คน เข้าไปอยู่ในนั้นก็เหมือนหายหมด
ขณะที่ เพจ WEVO สื่อสู้ฝุ่น ซึ่งเผยแพร่เรื่องราวการแก้ปัญหาฝุ่นและไฟป่าในภาค เหนือ โพสต์ข้อความว่า ได้รับแจ้งขอให้ “งดนำเสนอภาพมุมสูง” จากทีมโดรนอาสา โดยหลังจากนี้ ให้ส่งภาพและพิกัด ไปยังกลุ่มเฉพาะกิจ บินดับไฟดอยสุเทพ “เท่านั้น”
เบื้องต้นสมาชิกทีมโดรนอาสา มีมติให้งดขึ้นบินในทุกกรณี เพื่อให้ความร่วมมือกับทางราชการจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเพจดังกล่าว วิเคราะห์ 10 ข้อ ว่า การนำเสนอภาพข่าว อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฯ
1.พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ่อนไหว
2.อาจทำให้เจ้าหน้าที่เหนื่อยมากขึ้น ต้องระดมสรรพกำลังมากขึ้น
3.อาจทำให้เจ้าหน้าที่ฯ ถูกต่อว่า ด่าทอ “เอาไม่อยู่” ทั้งๆที่เอาอยู่ สามารถควบคุมได้ และทำแนวกันไฟเอาไว้แล้ว
4.ผู้ใหญ่ต้องตอบคำถาม กับผู้ใหญ่ ว่าเหตุใดจึงเอาไม่อยู่
5.ภาพที่นำเสนอ อาจดูรุนแรงเกินไป หรืออาจเกินความเป็นจริง
6.การที่สื่อมวลชนรับทราบและนำเสนอภาพข่าวที่ไม่ผ่านจากศูนย์บัญชาการฯ ข้อมูลอาจบิดเบือน
7.อาจมีผู้ไม่หวังดีนำภาพไปเรี่ยไรขอรับบริจาค
8.หน้าที่ของโดรนอาสา ไม่ใช่การส่งภาพ เพื่อให้สื่อมวลชนหยิบไปนำเสนอข่าว หน้าที่หลัก คือ บินสำรวจและชี้พิกัด
9.การอนุญาตให้โดรนขึ้นบิน หรือช่วยขึ้นบินทำภารกิจ อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฯ ในพื้นที่ตามข้อกำหนด ผู้บินต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
10.แม้หลังจากนี้เราอาจไม่ได้เห็นภาพมุมสูงอีก ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่
ขอเอาใจช่วยเจ้าหน้าที่ฯทุกฝ่าย ขอให้ปลอดภัย ขอบคุณที่ทำเพื่อลมหายใจพวกเราทุกคน
ต่อมา เพจดังกล่าว เผยแพร่ข้อความ ระบุว่า ประมาณ 11.00 น.วันนี้ ทีมโดรนจิตอาสาเชียงใหม่ได้แจ้งต่อ นายคมสัน สุวรรณอัมภา รองผู้ว่าราชการเชียงใหม่ และ
พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผบก.เชียงใหม่ รวมถึงหน่วยงานเกี่ยวข้องในกลุ่ม “บินดับไฟดอยสุเทพ” ว่า ขอถอนตัวจากภารกิจ เพื่อให้ราชการสบายใจ “ทีมโดรนอาสาและร่มบินอาสาขอถอนตัวจากภารกิจนี้ ทางราชการสบายใจได้ จะไม่มีภาพมุมสูงมารบกวนการทำงานของพวกท่านครับ”ธีระศักดิ์ รูปสุวรรณ ผู้ประสานร่มบินอาสาเชียงใหม่ แจ้งต่อ รองผู้ว่าฯ ในกลุ่มสนทนา
รายงานแจ้งว่า เมื่อเช้าวันนี้ ได้มีหน่วยงานเกี่ยวข้องประสานไปยังทีมโดรนอาสา ว่าเจ้าหน้าที่อุทยานและป่าไม้จำนวนหนึ่งไม่สบายใจ ที่มีภาพมุมสูงของไฟไหม้ดอยสุเทพตั้งแต่บ่ายจนกระทั่งพลบค่ำวานนี้ เผยแพร่ออกไป ทำให้ผู้ใหญ่กังวลกับความรุนแรงของภาพ จากนั้นได้มีการตั้งด่านสกัด ไม่ให้ทีมโดรนอาสาเข้าไปในพื้นที่อุทยานดอยสุเทพ
เมื่อสอบถามไปยังหัวหน้าหน่วยราชการที่ประสานงานในกลุ่มบินดับไฟถึงเหตุที่เข้าไปในพื้นที่ไม่ได้ นอกจากนั้นยังมีการแจ้งขอให้ภาพถ่ายจากโดรนต้องรายงานเข้ากลุ่มเท่านั้น ไม่สามารถเผยแพร่ออกสู่สาธารณวงกว้างได้ อย่างไรก็ตาม หลังการส่งห้ามดังกล่าวถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ได้มีฝ่ายเจ้าหน้าที่ออกมาระบุว่า ไม่มีคำสั่งให้งดนำเสนอภาพมุมสูงไฟป่าดอยสุเทพ แต่เป็นการขอความร่วมมือ ให้ส่งภาพและรายงานให้ในกลุ่มเฉพาะกิจฯ เท่านั้น ขณะที่การตั้งด่านสกัดและไม่ให้ขึ้นบินเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้านี้จริง แต่ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงในเวลาต่อมาแล้ว