นักวิเคราะห์ Talking Thailand วิเคราะห์ปม “ภูมิใจไทย-ประชาธิปัตย์” เดินเกมหนุน ตั้ง กมธ.ตรวจสอบการใช้เงิน 1.9 ล้านล้านที่รัฐบาลจะเอามาแก้เกมโควิด
“อ.วิโรจน์” จองกฐิน “ประชาธิปัตย์” ไม่มีอะไร แค่ปรับเกมการร่วมรัฐบาล สร้างราคา หาก “ลุงตู่” ยังเมินอีก ก็พร้อมไปสู่ “สนามเลือกตั้ง” เช่นเดียวกับ “ภูมิใจไทย” ที่ “อ.พิชญ์” เชื่อ “อนุทิน” รับรู้ คาดเกมนี้มันส์ เพราะ พปชร. โดนล้อมแล้วและต้องคิดหนัก
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ แถลงขอยื่นเรื่องถึงประธานสภาฯ เพื่อขอให้ตั้งญัตติ เรื่อง ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตาม ตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงิน เพราะเป็นห่วงว่าการกู้เงินจำนวนมากขนาดนี้ อาจจะนำไปสู่ปัญหาการใช้จ่ายที่ไม่ตรงวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ไม่โปร่งใส มีการรั่วไหล จะยิ่งเป็นการสร้างความเสียหายเสมือนเป็นการซ้ำเติมพี่น้องประชาชนคนไทยมากยิ่งขึ้น โอกาสที่จะเกิดการฮั้วระหว่างผู้รับเหมา กับผู้มีอำนาจแต่ละจังหวัดจะเกิดขึ้นได้ง่าย
ทั้งนี้ ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น เสียงส่วนใหญ่ของ ส.ส.ก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ และได้แจ้งต่อประธานวิปรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งเขาขอเวลาที่จะนำเรื่องนี้หารือกับผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้คำตอบในวันที่ 31 พ.ค. จะมีท่าทีที่ชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไรต่อไปในการตั้งกมธ.ชุดนี้ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ยังมีเวลาคิดอีก3-4 วันและส่วนตัวคิดว่าเขาคงจะไม่ปฎิเสธข้อเสนอนี้ในทันที คงไม่มีปัญหาอะไร
สำหรับรายชื่อส.ส.ผู้ขอเสนอญัตติมีส.ส.ประชาธิปัตย์ 6 คน นำโดยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย นายประกอบ รัตนพันธ์ นายเทพไท เสนพงศ์ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและมี ส.ส. สนับสนุนอีก 20 คน อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์
เช่นเดียวกับภูมิใจไทย ที่นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พร้อมด้วยนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ และนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ยื่นญัตติ ขอให้สภาผู้แทนราษฎร ตั้ง กมธ.วิสามัญติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินจากการกู้เงินฯ เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีรายละเอียดของโครงการ เกรงว่า จะมีการใช้จ่ายไม่ตรงตามเป้าหมาย ไม่โปร่งใส
เมื่อถามว่า ได้หารือกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยแล้วหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ตนมองว่าเป็นเอกสิทธิ์ ของ ส.ส.ที่จะสามารถทำได้ และตนมีเจตนาดีที่จะช่วยรัฐบาลในการตรวจสอบเงินดังกล่าว โดยการยื่นญัตติในครั้งนี้ นายภราดร นายสิริพงศ์ และนายกรวีร์ ได้รวบรวมรายชื่อสมาชิกมาทั้งหมด 20 รายชื่อ เพื่อร่วมกับ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์
ขณะที่นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และ ประธาน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กล่าว ว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการตั้ง กมธ.วิสามัญฯ เพราะมีหน่วยงานราชการที่น่าเชื่อถือพิจารณาและกลั่นกรองแล้ว อาทิ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ รวมทั้งระดับพื้นที่ต้องเสนอผ่านคณะกรรมการนโยบายการบริหารงานจังหวัด และ กลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) กลั่นกรอง ก่อนเสนอให้ ครม.เป็นผู้อนุมัติ โดยนักการเมืองไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
ส่วนสภาฯ ก็มี กมธ.สามัญฯ 35 คณะ ทำหน้าที่และตรวจสอบ พ.ร.ก. ทั้ง 3 ฉบับ ส.ส ทุกคน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ในฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องมั่นใจในระบบราชการที่เข้ามาดูแลงบประมาณนี้ ไม่จำเป็นต้องตั้ง กมธ.วิสามัญฯ ให้ขึ้นมาทำงานซ้ำซ้อน เสียเวลาการทำงานกับทุกฝ่าย และรวมทั้งเสียงบประมาณของแผ่นดิน เกี่ยวกับเบี้ยประชุม
ประธานส.ส.พปชร. ระบุว่า ที่ฝ่ายค้านคิดและเป็นข้อกังวลในการใช้งบประมาณเกรงว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่นนั้น หรือใช้งบประมาณไปไม่ตรงวัตถุประสงค์นั้น ท่านต้องอย่าลืมว่าประเทศไทยนั้นก็มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมตรวจสอบ โดยเฉพาะ พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท มีกรอบดำเนินการที่รัดกุม ใช้กฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะมาบังคับใช้ กำกับติดตาม การเบิกจ่ายเงินกู้ และ ต้องประเมินโครการต่างๆ นำเสนอต่อ ครม.ทุก 3 เดือน
ส่วนการกำกับติดตามเงินกู้และผลสัมฤทธิ์ของโครงการ หรือมาตรการ เชื่อและมั่นใจว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้คิดและวางแผนมาตราการต่างๆ ในการบริหารจัดการไว้แล้ว ซึ่งรายงานต่อรัฐสภาใน 60 วันนับแต่สิ้นปีงบประมาณ ถือว่ามีมาตรฐานตรวจสอบ หรือ ประเมิน KPI สูงกว่าเมื่อเทียบกับ พ.ร.ก.ไทยเข้มแข็ง ปี 52 และ พ.ร.ก.กู้เงินเพื่อวางระบบบริหารน้ำ ปี2555