นุชนารถ แท่นทอง ประธานเครือข่ายสลัมสี่ภาค ใน 6 ผู้หญิงที่ได้รับรางวัล เชิดชูเกียรติผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนประจำปี 2561 ลั่นการกระจายตัวที่ดินยังกระจุกอยู่กับคนรวย หากการเมืองเป็นแบบนี้ เราก็จะไม่พ้นความยากจน

Voice TV สัมภาษณ์ 3 ใน 6 ผู้หญิงที่ได้รับรางวัล เชิดชูเกียรติผู้หญิงนักปกป้องสิทธิมนุษยชนประจำปี 2561

นางนุชนารถ แท่นทอง ประธานเครือข่ายสลัมสี่ภาค กล่าวว่า เครือข่ายต่อสู้เรื่องที่อยู่อาศัย พบว่ามีโครงสร้างที่กดทับไม่ให้เข้าถึงสิทธิ จึงต่อสู้เพื่อสิทธิที่จะมีที่อยู่อาศัยรวมถึงสวัสดิการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ถ้าไม่รวมกลุ่มกันก็จะถูกกระทำตลอดไป จึงเข้ามาต่อสู้ในฐานะองค์กรชาวบ้าน

ซึ่งภาครัฐมักจะมองว่าเครือข่ายสลัมสี่ภาคต่อสู้เพื่อตัวเอง เรื่องที่อยู่อาศัย แต่เรื่องดังกล่าวก็ไปเชื่อมเรื่องที่ดิน ซึ่งกระจุกตัวอยู่กับกลุ่มทุนหรือคนจำนวนน้อยในประเทศ ขณะที่คนส่วนใหญ่เข้าไม่ถึงที่ดินซึ่งมีราคาแพง มีการถูกไล่ออกจากเมือง ถูกเบียดขับไม่ให้ค้าขายตามฟุตบาท เราจึงมีประเด็นต่อสู้เชื่อมโยงกับการเมือง ถ้าการเมืองยังเป็นแบบนี้ พวกเราจะไม่พ้นความยากจน นั้น เราจึงลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ความเป็นธรรมทางสังคม เข้าถึงสิทธิผู้อยู่อาศัย จะลดความเหลื่อมล้ำได้ ที่ดินต้องมาก่อน

สำหรับกรณีที่เป็น 1 ในผู้ต้องหาวีวอล์ค นางนุชนารถ กล่าวว่า ถูกรัฐมองว่าทำความผิด ขอยืนยันว่า เราไม่ได้ทำความผิด เราทำตามสิทธิเสรีภาพของเราตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่ประกาศใช้ เราไม่ได้ละเมิดสิทธิ

ส่วนการได้รับรางวัล มองว่า รางวัลเชิดชูเกียรติใดๆ ก็แล้วแต่ ปกติจะมอบให้ผู้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ปีนี้เราเป็น 1 ในผู้รับมอบ ก็ต้องถือว่า มอบความสำเร็จให้เครือข่ายสลัมสี่ภาค ถ้าหากไม่มีองค์กรชาวบ้าน เราก็ไม่สามารถที่จะต่อสู้โดยลำพังหรือมายืนตรงจุดนี้ได้ เป็นเกียรติขององค์กรมากกว่าตัวเอง ส่วนตัวรู้สึกยินดี ได้รับกำลังใจให้ขับเคลื่อนและแสดงว่าสังคมมองเห็นว่าพวกเราทำเรื่องดีๆ   

น.ส.ไหม จันทร์ตา ตัวแทนมูลนิธิเอ็มพาวเวอร์ กล่าวว่า เอ็มพาวเวอร์ทำงานด้านปกป้องสิทธิของผู้หญิงที่เป็นพนักงานบริการรวมถึง Sex worker ที่ถูกละเมิด ถูกคุกคามและอยู่ในการทำงานที่ไม่ปลอดภัย เช่น มีการล่อซื้อซึ่งเป็นการละเมิดจากภาครัฐ

การล่อซื้อเป็นการละเมิดสิทธิของพนักงานอย่างหนึ่ง เราไม่ได้ว่าเรื่องไปช่วยเด็ก แต่เมื่อรู้ว่ามีเด็กควรนำตัวออกไปแต่ไม่ควรให้คนอื่นในร้านได้รับผลกระทบ เพราะเขาเต็มใจที่จะทำงาน หาเลี้ยงครอบครัว เพราะหลังถูกบุกทะลาย ก็ขาดรายได้ ไม่สามารถพบญาตพี่น้อง

สำหรับอุปสรรคในการทำงานของเอ็มพาวเวอร์ คือถูกมองว่า ทำงานกับผู้หญิงที่ไม่ดี เพราะพนักงานบริการยังผิด พ.ร.บ.ค้าประเวณีอยู่ จึงเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงสิทธิต่างๆ

อยากให้มอง sex worker เป็นคนคนหนึ่งที่มีสิทธิเท่าเทียมกับคนทุกคน มีสิทธิดำเนินชีวิตไปในทางที่เขาเลือก เราไม่ได้ต้องการเรียกร้องสิทธิพิเศษกว่าคนอื่นแต่อยากได้สิทธิที่เท่าเทียม วันนี้ได้รับรางวัลก็รู้สึกดีใจ และแสดงให้เห็นว่าพนักงานบริการถูกละมิดสิทธิจริงๆ ตลอด 32 ปี เอ็มพาวเวอร์หลายรุ่นต่อสู้เพื่อสิทธิของผู้หญิง ไม่มีรัฐบาลไหนจะมาปกป้องสิทธิของเรา

น.ส.หทัยรัตน์ พหลทัพ ผู้สื่อข่าวอาวุโส สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส กล่าวว่า ส่วนตัวสนใจทำข่าวด้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น โรฮิงญา, เรื่องเด็ก และ สามจังหวัดชายแดนใต้ หวังให้เกิดสันติภาพ เมื่อได้รับรางวัลก็มีกำลังใจ

สำหรับประสบการณ์การเป็นนักข่าวสืบสวนสอบสวนเคยเจอการกดดันในรูปแบบต่างๆ เช่น การยัดเงิน การข่มขู่หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุด เกิดขึ้นเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ไปทำข่าวความขัดแย้งโรงไฟฟ้าเทพา ที่ จ.สงขลา เดินทางเข้าพื้นที่โดยใช้รถของสถานีโทรทัศน์ เพื่อเป็นการแสดงตัวเป็นผู้สื่อข่าว ขับผ่านพื้นที่ซึ่งติดกับพื้นที่สาธารณะ โดยคนที่สนับสนุนให้สร้างโรงไฟฟ้า ไม่พอใจจึงขับรถมาดักปิดทาง แล้วถือปืนลงมาโชว์ทำให้ทีมข่าวตกใจ แต่เมื่อได้เข้าไปคุยก็จบลงด้วยดี ครั้งนั้นไม่ได้แจ้งความ จากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ได้พยายามสัมภาษณ์ให้เขาได้พูดในสิ่งที่อยากพูด

ตอนนั้นเกิดความขัดแย้งเพราะฝ่ายสนับสนุนให้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าคิดว่านักข่าวส่วนใหญ่เข้าข้างฝ่ายที่ต่อต้านการสร้างโรงไฟฟ้า เพราะตอนนั้นป็นข่าวดังและคนเริ่มให้ความสนใจ ทำให้ฝ่ายสนับสนุนโรงไฟฟ้าเสียประโยชน์ แม้ผู้สื่อข่าวจะพยายามรายงานทั้ง 2 ฝั่ง

น.ส.หทัยรัตน์ กล่าวถึงเรื่องที่ทำแล้วรู้สึกเครียดคือสารคดี 1 ปีรัฐประหาร เป็นช่วงที่เสรีภาพมีน้อยและไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำ เพราะอาจทำให้รัฐบาลปิดช่องได้ รู้สึกอึดอัดเครียดและเหนื่อยมาก เพราะไม่มีเสรีภาพอย่างที่อยากได้