จีนผิดหวังกับตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาสล่าสุดหลังจากที่ GDP ไม่โตตามเป้า เนื่องจากผลกระทบจากสงครามการค้าและภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น
เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังพอสมควรของรัฐบาลจีน รัฐบาล ภายใต้การนำของนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เมื่อสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยรายงานตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ หรือระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายนที่ผ่านมา โดย GDP ของประเทศจีนนั้นโตเพียงแค่ 6.5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอัตราที่น้อยกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าว่า GDP ไตรมาสที่ 3 ของจีนจะโตอย่างน้อย 6.6 เปอร์เซ็นต์
นี่คือผลกระทบที่ชัดเจนที่จีนได้รับจากสถานการณ์ความตึงเครียดที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือสงครามการค้าระหว่างรัฐบาลของจีนและสหรัฐฯ ที่ทำให้ขณะนี้อุตสาหกรรมการนำเข้าและส่งออกของจีนได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษีของนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจีนเองได้หันไปพึ่งตลาดใหม่ในภูมิภาคอื่นแทนมากขึ้น เพื่อการกระจายสินค้าและบริการ
อัตราการโตที่ 6.5 เปอร์เซ็นต์ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมายังถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงจากไตรมาสที่ 2 ของปีนี้อีกด้วยซึ่งโตอยู่ที่ 6.7 เปอร์เซ็นต์ระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ยังถือว่ารักษาสภาวะเศรษฐกิจได้ดีตามเป้าการโตของทั้งปี ซึ่งจีนตั้งเป้าไว้ที่ตัวเลข 6.5 เปอร์เซ็นต์ โดยขณะนี้ยังไม่มีทีท่าของรัฐบาลจีนในการตอกกลับเพื่อเอาคืนไปยังสหรัฐฯ เพราะไม่เพียงแต่ปัญหาของสงครามการค้าเท่านั้นที่รัฐบาลจีนต้องรับมือ แต่ปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่จีนต้องเผชิญไปให้ได้เช่นกัน