งานวิจัยล่าสุดจากสหรัฐฯ ชี้ว่า วัยรุ่นที่ติดมือถือ ทั้งโซเชียล เกม และแชต จะไม่มีความสุขเท่ากลุ่มที่เล่นกีฬาและออกไปพบปะผู้คน
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยซานดิเอโก สเตต ในสหรัฐฯ ที่รวบรวมข้อมูลจากนักเรียนเกรด 8 เกรด 10 และเกรด 12 หรือมัธยมศึกษาปีที่ 2, 4 และ 6 จำนวนกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ มาประมวลผลพบว่า เด็กกลุ่มที่ใช้เวลาไปกับโซเชียลมีเดีย เกม แชต และวิดีโอแชต นั้นไม่มีความสุขเท่ากับเด็กกลุ่มที่เล่นกีฬา ออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง และมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คน
จีน เอ็ม. ทเวนจ์ นักจิตวิทยาที่นำทีมวิจัยครั้งนี้ ระบุว่า เธอเชื่อมาตลอดว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากเด็กที่ไม่มีความสุขในโลกความเป็นจริง จนพยายามหลีกหนีโดยการเข้าหาโซเชียลมีเดีย หรือเล่นมือถือ แต่การหมกมุ่นกับคอนเทนต์ในมือถือต่างหากที่ทำให้เด็กไม่มีความสุข โดยเธอได้เก็บข้อมูลพฤติกรรมเด็กและวัยรุ่นมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 90 และพบว่าปัญหาการใช้มือถือที่สัมพันธ์กับการไม่มีความสุขกับชีวิตเพิ่งเกิดขึ้นหลังจากปี 2012
นอกจากนี้ งานวิจัยชิ้นเก่าของเธอยังระบุไว้ด้วยว่า เด็กที่ใช้เวลากับมือถืออย่างน้อย 4 ถึง 5 ชั่วโมงต่อวัน จะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงฆ่าตัวตายขึ้นถึง 71 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่เกี่ยวกับคอนเทนต์ที่ดู นั่นคือ ไม่ว่าจะดูวิดีโอแมว หรือสิ่งที่ดูไม่มีโทษใด ๆ เลยก็ตาม อัตราความเสี่ยงนี้จะยังมีเท่าเดิม ซึ่งเธอแนะนำว่า เด็กและวัยรุ่นไม่ควรใช้เวลากับมือถือมากไปกว่า 2 ชั่วโมงต่อวัน และควรหมั่นออกกำลังกาย และพบปะเพื่อนฝูงแบบนัดเจอกันจริง ๆ อย่างสม่ำเสมอ