ไม่พบผลการค้นหา
ริมแม่น้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน ยังไม่สงบ หลังกองทัพรัฐประหาร สั่งการกลุ่มกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธ เข้าปฏิบัติการ ด้านทัพไทยส่งกำลังตึง

สำนักข่าวชายขอบ รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2564 สถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย ด้านริมแม่น้ำสาละวิน จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งมีการสู้รบระหว่างกองทัพพม่าและกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (KNU) กองพล 5 ยังคงตึงเครียด แม้ไม่มีการปะทะกันมาแล้วหลายวันแล้วก็ตาม แต่กองทัพพม่ายังคงส่งเครื่องบินลาดตระเวนมาคอยสำรวจอย่างต่อเนื่อง

ทำให้ชาวบ้านจำนวนนับพันคนที่หนีภัยการสู้รบรู้สึกหวาดกลัวในความไม่ปลอดภัย แต่ทหารไทยได้ผลักดันชาวบ้านเหล่านี้กลับฝั่งกะเหรี่ยงไปแล้วจำนวนมาก แต่ที่น่าจับตามองคือขณะนี้กองทัพพม่าได้เปลี่ยนยุทธวิธีโดยการสั่งการให้กองกำลังพิทักษ์ชายแดน หรือ BGF ซึ่งเป็นอดีตกองกำลังกะเหรี่ยงพุทธเข้ามายึดพื้นที่ฐานทหารพม่าคืนหลังจากถูกทหาร KNU ยึดไปได้หลายแห่ง

ทั้งนี้สำนักข่าวกะเหรี่ยง KIC ได้เผยแพร่คำสัมภาษณ์พันเอกเกลอ โด่ โฆษกกองกำลังกะเหรี่ยงของ KNU กองพลที่ 5 ซึ่งระบุว่ายังไม่ได้รับรายงานกรณีที่มีข่าวว่า BGF ได้เคลื่อนกำลังพลข้ามแม่น้ำสาละวินมาถึงเมืองผาปูน (หรือ พะปุน Papun)

“หากทหาร BGF ประจำการอยู่ที่เมืองผาปูน ก็คงไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่หากพวกเขาปฏิบัติการนอกพื้นที่ ก็คงมีเหตุการณ์บางอย่างแน่นอน แต่ปกติแล้ว หากกองกำลัง BGF ปฏิบัติการนอกพื้นที่ มักมีการใช้กำลังผสมร่วมกับกองทหารพม่า เพราะ ปกติ BGF ไม่ปฏิบัติการเองเพียงหน่วยเดียว ตอนนี้กระแสข่าวที่ว่า BGF เคลื่อนกำลังพลออกจากหมู่ที่ 3 ของเมืองผาปูน ซึ่งหากออกมาจากเส้นทางนั้นพื้นที่เป้าหมายมีได้ 2 ที่คือ บ้านคอปู กับ แหย่ คี เป็นไปได้ทั้ง 2 พื้นที่” โฆษกกองกำลังกะเหรี่ยง KNU กล่าว


แฉแผนสั่งการเผด็จการทหาร

มีรายงานข่าวว่ากองกำลัง BGF กำลังถูกสั่งการให้ร่วมกับทหารพม่า เพื่อพยายามยึดคืนฐานที่มั่นต่างๆ ในรัฐกะเหรี่ยง โดยเฉพาะฐานซอแลท่า ตรงข้ามบ้านแม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งก่อนหน้านี้มีข่าวการขนส่งข้าวสารและยุทโธปกรณ์ของทหารพม่า จากด่านเมียวดี ขนส่งผ่านประเทศไทยจำนวน 700 กระสอบ และต่อมาฐานดังกล่าวถูกกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ยึดได้และทำการเผาฐานพม่าจนเป็นข่าวไปทั่วโลก

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ก่อน พล.อ.บอจ่อแฮ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด KNU ได้ส่งสาส์นถึงกองกำลังกะเหรี่ยงทุกกลุ่ม ว่าการใช้ยุทธวิธีโจมตีทางอากาศของกองทัพพม่า เป็นการแสดงให้เห็นว่าทหารพม่านั้นอ่อนแอในปฏิบัติการภาคพื้น ไม่สามารถส่งกำลังเสริมเข้ามายังพื้นที่แนวหน้า จึงต้องการใช้กองกำลังพิทักษ์ชายแดน BGF ในการปฏิบัติการช่วยเหลือกองทัพพม่า


แก้ไขวิกฤตทางการเมืองด้วยอาวุธ

ด้านพลเอกมูตู เซโพ ประธาน KNU ได้ออกแถลงการณ์ส่วนตัว เรียกร้องให้ทุกฝ่ายยึดมั่นในกรอบ NCA และรักษาสันติภาพ โดยระบุว่าสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU จะยังคงยึดมั่นในกรอบและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกรอบของข้อตกลงหยุดยิง (NCA) และรักษาสันติภาพ 

“เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ในปี 2564 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในพม่า มีความพยายามที่จะแก้ไขวิกฤตทางการเมืองด้วยกำลัง”

169274333_1086592255153650_6203414261126350861_n.jpg

ประธาน KNU ระบุด้วยว่า ตนเองตั้งใจที่จะหาทางออกทางการเมืองสำหรับวิกฤตการณ์ทางการเมืองในพม่าผ่านการเจรจาหารือ ซึ่ง KNU ได้เข้าร่วมเริ่มกระบวนการเจรจาสันติภาพ ในปี 2558 ภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีเต็งเส่ง ต่อมามีการลงนามข้อตกลงหยุดยิงทั่วประเทศ (NCA) กับกองกำลังพันธุ์ 8 กลุ่ม

สำหรับสถานการณ์ด้านพรมแดนไทย-พม่า ริมแม่น้ำสาละวิน ได้มีชาวบ้านที่ถูกผลักดันกลับไปฝั่งรัฐกะเหรี่ยงเมื่อ 2-3 วันก่อน แต่ได้มีเครื่องบินทหารพม่าเข้ามาโจมตีในพื้นที่ที่ไม่ไกลจากพื้นที่หลบภัย จึงส่งผลให้ชาวบ้านต้องหนีภัยความตาย ข้ามแม่น้ำสาละวินกลับมาหลบภัยอยู่ฝั่งไทยอีกครั้ง ล่าสุดกลุ่มบรรเทาทุกข์กะเหรี่ยงระบุว่ามีทั้งหมด จำนวนครัวเรือนทั้งหมด 149 ครัวเรือน จำนวน 1,058 คน


ไทยเสริมอาวุธหนักชายแดน

ในวันเดียวกันกลุ่มสิทธิมนุษยชนกะเหรี่ยง Karen Human Rights Group ระบุว่านับตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม เครื่องบินรบและโดรนตรวจการณ์ของกองทัพพม่าบินเข้ามาในพื้นที่ จ.มือตรอ ทุกๆ คืน นอกจากนี้ทหารพม่าตามฐานต่างๆ ได้ยิงปืนใหญ่ลงหมู่บ้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ชาวบ้านหลวาดกลัวไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านของตนเองได้ ต้องหนีหลบซ่อนตามป่าและลำห้วยต่างๆ จำนวนหนึ่งต้องหนีมายังประเทศไทยเป็นการชั่วคราว

ส่วนฝั่งไทย มีรายงานว่า ได้มีการเสริมกำลังของทหารไทยจำนวนเพิ่มขึ้นมาก มีการเพิ่มยุทโธปกรณ์ รวมทั้งปืนใหญ่ และมีการขนส่งของเข้าไปยังฐานที่หมู่บ้านท่าตาฝั่ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ซึ่งฝั่งตรงข้ามคือ ฐานแม่คาท่า หรือดากวิน ของทหารพม่า ที่มีการปะทะกับกองกำลังกะเหรี่ยง KNU ในช่วงปลายเดือนเมษายน และกองทัพพม่ามีการส่งเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดรอบๆ ฐานและตลอดบริเวณชายแดน จนทำให้ชาวบ้านต้องอพยพจำนวนมาก