ไม่พบผลการค้นหา
อดีตรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศอังกฤษเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีอังกฤษตั้งพันธมิตรความร่วมมือตอบสนองวิกฤตจีนแผ่นดินใหญ่-ฮ่องกง

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศที่มาจากต่างพรรค 7 คน ได้แก่ เจเรมี ฮันต์, เดวิด มิลิแบนด์, แจ็ก สตรอว์, วิลเลียม เฮก, มัลคอล์ม ริฟคินด์, เดวิด โอเวน และมาการ์เรต เบ็กเคตต์ ได้ยื่นจดหมายถึงบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐบาลอังกฤษเป็นผู้นำนานาชาติในการตอบสนองต่อสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับฮ่องกง เพราะประเทศอื่นจับตาดูท่าทีของอังกฤษต่ออดีตอาณานิคมของตัวเอง

จีนแผ่นดินใหญ่ถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการผ่านกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง โดยไม่ต้องผ่านสภานิติบัญญัติของฮ่องกง ซึ่งจะเปิดทางให้หน่วยงานความมั่นคงของจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าไปปฏิบัติการในฮ่องกงได้ 

หลายฝ่ายมองว่า การผ่านกฎหมายฉบับนี้เป็นการทำลายเสรีภาพของฮ่องกงที่ได้รับการรับรองในกฎหมายพื้นฐาน ซึ่งเปรียบเหมือนรัฐธรรมนูญของฮ่องกง และขัดกับหลักการ “หนึ่งประเทศ สองระบบ” อย่างที่จีนเคยให้คำมั่นสัญญาไว้เมื่อปี 2540 ที่อังกฤษส่งมอบฮ่องกงคืนให้จีน

จดหมายถึงจอห์นสันระบุว่า อดีตรัฐมนตรีทั้ง 7 คน กังวลว่า จีนแผ่นดินใหญ่ละเมิดข้อตกลงซิโน-บริติช “อย่างอื้อฉาว” ด้วยการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติที่เข้มงวดกับฮ่องกง จอห์นสันควรตั้งพันธมิตรนานาชาติที่จะร่วมมือกันตอบโต้จีนแผ่นดินใหญ่ร่วมกัน คล้ายกับที่เคยตั้งพันธมิตรเพื่อกดดันให้ยุติความขัดแย้งในยูโกสลาเวียเมื่อปี 2534

ทั้งนี้ โดมินิก ราบ โฆษกนายกรัฐมนตรีอังกฤษกยืนยันล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษไม่ได้มองข้ามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฮ่องกง และอังกฤษก็มีบทบาทเป็นผู้นำในการกดดันจีนแผ่นดินใหญ่ในประเด็นฮ่องกงอยู่แล้ว กฎหมายความมั่นคงใหม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกงที่ได้รับการรับรองในกฎหมายจีนและข้อตกลงปี 2540 อย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้ รัฐบาลอังกฤษจะอนุญาตให้ผู้ที่ถือพาสปอร์ตอังกฤษในต่างประเทศ (ในฮ่องกง) สามารถไปอังกฤษและสมัครเรียน และทำงานได้ต่ออีก 12 เดือนมากถึง 3 ล้านคน ซึ่งจะเป็น “หนทางไปสู่การขอสถานะพลเมือง” หากจีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงต่อ

ที่มา: BBC/ The Guardian