ต่างประเทศ
‘ทีโดรส’ รับเลือกเป็น ผอ.อนามัยโลกสมัยที่สองต่ออีก 5 ปี
ทั้งนี้ ไม่มีการเสนอชื่อผู้ท้าชิงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกแข่งกันกับทีโดรส เพื่อขึ้นมารับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก และการจับตาการะเริ่มแพร่ระบาดของฝีดาษลิงที่เกิดขึ้นนอกแหล่งอย่างแอฟริกา ทั้งในยุโรป สหรัฐฯ และออสเตรเลีย แต่อย่างใด
“มันล้นหลามเหลือเกิน” ทีโดรสกล่าว หลังจากตัวแทนของประเทศสมาชิกองค์การอนามัยโลกได้ลุกขึ้นปรบมือให้กับผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกคนใหม่คนเดิม ทีโดรสหลั่งน้ำตาก่อนเรียกว่าตัวเขาเองเป็น “ลูกของสงคราม” หลังจากเขาลงนามต่อสัญญาการเป็นผู้บริหารสูงสุดขององค์การอนามัยโลก ทีโดรสกล่าวว่าหลังจากเขาเห็นน้องชายของตนเองต้องตายตั้งแต่อายุยังน้อย มันคือ “โชคชะตา (ที่) นำพาผมมาถึง ณ จุดนี้”
ก่อนหน้านี้ ทีโดรสเคยเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลของเอธิโอเปีย เขาได้รับเลือกขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกเมื่อ 5 ปีก่อน ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปลายปี 2562 ซึ่งเริ่มขึ้นที่เมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน
ตลอดระยะเวลาการบริหารงานของทีโดรส เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยครั้งจากความผิดพลาดในการตอบรับกับโรคระบาด ที่มนุษย์ไม่ได้พบเห็นมานานกว่าเกือบศตวรรษ ทีโดรสยังเป็นผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกคนแรกที่เป็นคนแอฟริกา และบริหารองค์การด้านสุขภาพโดยที่ไม่มีปริญญาหรือใบอนุญาตด้านการแพทย์ใดๆ
ทีโดรสยังเป็นผู้นำองค์การอนามัยโลกคนแรกที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศบ้านเกิดของตนเอง ก่อนหน้านี้ เอธิโอเปียเคยกล่าวหาว่าเขา “ประพฤติมิชอบ” หลังจากการที่เขาวิพากษ์วิจารณ์สงครามและวิกฤตด้านมนุษยธรรมในบ้านเกิดของตนอย่างรุนแรง เอธิโอเปียยังได้แถลงแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นผู้นำของเขาเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาด้วย
ก่อนหน้านี้ ทีโดรสในฐานะผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลกสมัยแรกล้มเหลวในการประกาศต่อทั่วโลก รวมถึงจีนที่เป็นสถานที่ที่พบการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นสถานที่แรก เพื่อการรับมือกับการระบาด รวมถึงการแนะนำไม่ให้ผู้คนใส่หน้ากากอนามัยในช่วงแรกกว่าหลายเดือนตั้งแต่การระบาดเริ่มขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น ทีโดรสเคยออกมาระบุว่า โควิด-19 อาจจะระบาดได้ไม่รวดเร็วนัก นอกจากนี้ การส่งเจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกเข้าไปสืบสวนโรคในอู่ฮั่นที่จีนภายใต้การกำกับการของเขายังพบกับ “ความชะงักงัน” กว่าหลายรอบจนถูกวิจารณ์อย่างหนัก และโลกยังไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดว่าสรุปแล้ว โควิด-19 มีต้นตอมาจากอะไรกันแน่
ที่มา:
