ไม่พบผลการค้นหา
สานต่อภารกิจ “อนาคตใหม่” ก้าวต่อไปยัง “สู้เหมือนเดิม” คือคำประกาศอันแน่วแน่เมื่อปี 2563 ของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ ปัจจุบันควบตำแหน่งหัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ เพียงคนเดียวของพรรค

‘วอยซ์’ เดินทางสู่รัฐสภาแห่งใหม่ 'สัปปายะสภาสถาน' ย่ายเกียกกาย เพื่อสัมภาษณ์พิเศษกับ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในวัย 42 ปี ผ่าน #VoicePolitics 

ผู้ซึมซับและสัมผัสการเมืองไทยและต่างประเทศมาตั้งแต่วัยเยาว์ จนกระทั่งเบนเข็มเข้าสู่สนามการเมืองระดับชาติเต็มตัว กับเป้าหมายในการสานต่อดีเอ็นเอ ‘พรรคอนาคตใหม่’ ใต้ชายคา ‘พรรคก้าวไกล’ และการประเมินฉากทัศน์การเมืองในการเลือกตั้งปี 2566 เมื่อความเสี่ยงถูกยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องไม่แน่นอน

"ถ้าเกิดพรรคการเมืองมาจากประชาชนก็ต้องตายด้วยประชาชน ไม่ใช่ตายด้วยองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นองคาพยพของระบอบประยุทธ์"

คือถ้อยคำของ 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' ถึงเหตุการณ์ที่พรรคการเมืองต้องถูกยุบพรรคทั้งที่มาจากเสียงของประชาชนมี ส.ส.ในสภาฯ

'พิธา' หรือ 'ทิม' ดีกรีพาณิชยศาสตร์และการบัญชีพาณิชยศาสตร์บัณฑิต (การเงินและการธนาคาร) เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ่วงหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย HARVARD UNIVERSITY ประเทศสหรัฐอเมริกา และบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต MASSACHUSETT INSTITUTE OF TECHNOLOGY ประเทศสหรัฐอเมริกา

เขาเริ่มรับรู้และสัมผัสการเมืองไทยตั้งแต่อายุยัง 8-9 ขวบ กระทั่งเมื่อเรียนจบปริญญาตรีเขาได้เริ่มมาทำงานทางการเมืองในรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ก่อนเดินทางไปศึกษาปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงที่มีการรัฐประหาร ปี 2549 

แน่นอนว่าเขาได้สัมผัสวงจรอุบาทว์การเมืองไทยคือรัฐประหาร เมื่อปี 2549 แบบเต็มตา แม้ตัวเขาจะอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี 2562 ซึ่งเป็นห้วงที่คนไทยทั้งประเทศต้องเผชิญกับ 'ระบอบประยุทธ์' ที่มาจากการรัฐประหารเมื่อปี 2557 'พิธา' ตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองเต็มตัวผ่านการชักชวน 'ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ' หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดยลงสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่

พรรคอนาคตใหม่ กวาด ส.ส.มากที่สุดมาเป็นอันดับที่ 3 ได้ ส.ส.ทั้งประเทศ 81 เสียง และต่อมาต้องถูกยุบพรรคอนาคตใหม่ ด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563

'พิธา' พร้อมด้วย ส.ส.ที่ยังมีอุดมการณ์ "อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน' จึงนำคณะเข้าสังกัดพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่รับไม้ต่อจาก 'พรรคอนาคตใหม่'

'พิธา' ต้องถือธงนำพรรคเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ที่จะลงสนามการเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในปี 2566

พิธา Voicepolitics ปกเฟซบุ๊ก -7B37-452F-9871-306F363995B8.jpeg
  • เริ่มต้นสนใจการเมืองตั้งแต่เมื่อไหร่

อายุ 12 ปี เป็นช่วงที่ไปเรียนที่นิวซีแลนด์พอดี ก็ไปอยู่เมืองเล็กๆ ชื่อแฮมิลตัน กับครอบครัวชาวนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นครอบครัวเกษตร เลี้ยงแกะ แล้วก็ทำฟาร์มวัว แล้วทีวีตอนนั้น เราพูดถึง ค.ศ. 1992-1993 ทีวีมีอยู่ 3 ช่อง ช่องหนึ่งก็เป็นรักบี้ ช่องหนึ่งก็เป็นละครออสเตรเลียโบราณ แล้วอีกช่องหนึ่งก็เป็นประชุมสภาฯนิวซีแลนด์ นายกฯ ตอนนั้นชื่อ จิม โบลเจอร์ ก็ได้เห็นเวลาที่เขาอภิปราย หรือเวลาที่เขาเอาความเดือดร้อนของเกษตรกรนิวซีแลนด์มาพูด ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงที่จะเริ่มมีโลกาภิวัฒน์ มีเขตการค้าเสรี มีอะไรทั้งหลาย ว่าจะเอาอะไรยังไง ก็เลยเห็นว่า การสร้างความเปลี่ยนแปลงผ่านทางรัฐสภามันก็มีจริง

Voice Politics พิธา

แล้วพอกลับมาที่เมืองไทย ก็ได้ไปเรียนด้านการเงินที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งตอนนั้นยังเรียนที่ท่าพระจันทร์อยู่ ตรงสนามฟุตบอลพอดี ก็เลยรับรู้ขึ้นมาว่าเกิดเหตุการณ์อะไรในช่วงเดือนตุลาคมของพื้นที่ประวัติศาสตร์ สนามฟุตบอลที่เรากำลังเตะอยู่ตอนนี้ เลยเริ่มสนใจการเมืองจากต่างประเทศมาอยู่ที่บ้านเรา ก็เริ่มอ่านหนังสือมากขึ้น

แล้วมาเข้าวงจรการเมืองที่ใกล้เคียงกับตอนนี้มากที่สุดก็ช่วงสึนามิ ผมทำงานอยู่บริษัทเอกชน Boston Consulting Group เป็นบริษัทที่ปรึกษาให้กระทรวงพลังงานสมัยคุณหมอมิ้ง พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในขณะนั้น ทำให้ปตท. การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย รัฐวิสาหกิจ หรือใครที่เกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็มาจ้างให้ดูว่า ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศไทยหลังสึนามิจะเป็นยังไง แล้วจะทำยังไงให้มันเกิดการฟื้นตัวช่วงที่เกิดสึนามิในภาคใต้

สุดท้ายก็เข้ามาเป็นทีมของอาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยพรรคไทยรักไทย ตามอยู่กระทรวงการคลังได้ไม่กี่อาทิตย์ แล้วก็ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ ที่สนามบินน้ำ ตอนนั้นท่านเป็นรองนายกฯด้วย ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่ทำเนียบฯ ตอนนั้นก็น่าจะสัก พ.ศ. 2547 พอ พ.ศ. 2549 ผมก็ไปเรียนปริญญาโท 2 ใบ ด้านการเมืองการปกครอง แล้วก็บริหารธุรกิจ ที่สหรัฐฯ ท่านนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นคนเซ็นจดหมายแนะนำตัวให้ ก่อนกลับมาทำธุรกิจที่บ้าน

พอมีพรรคอนาคตใหม่ ตอนนั้นก็เลยได้เจอคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ขณะนั้นเขาก็เลยชวนมา เลยรู้สึกว่า สิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงได้ มันต้องโครงสร้างลักษณะแบบนี้ 1. คุณต้อง Demilitarize - เอาทหารออกจากการเมือง

2. ต้อง Decentralize - กระจายอำนาจ กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย ประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพ 3. Demonopolize - ทลายทุนผูกขาด คือ สุราก้าวหน้า สาม D นี้เป็นสิ่งที่เราเห็นตรงกัน ผมก็ไปกับคุณธนาธร เขาก็บอกว่าตรงกันทุกอย่าง มันคือสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ณ ปี พ.ศ. 2562 แล้วก็เป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ ณ ปี พ.ศ. 2566

Voice Politics พิธา
  • คนชอบพูดว่าการเมืองไทยสกปรก เข้ามาแล้ว กลัวไหม

คนเรามักจะกลัวอะไรที่มองไม่ค่อยเห็น แล้วไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าผมเห็นมาเยอะ ที่ยังเล่าไม่หมดก็คือ ฝั่งคุณแม่ ตามใจ ขำภโต เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สมัยป๋าเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี เหมือนกัน แล้วก็เคยประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ก็เคยไปเยี่ยมที่เรือนจำ ตอนนั้นน่าจะสัก 8-9 ขวบ แล้วก็อยู่ในการยุบพรรค ที่โรงแรม Hyatt ที่นิวยอร์ก ตอนที่มีรัฐประหารวันเดียวกับที่คุณพ่อเสียชีวิตแล้วกลับมาไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาทางการเมือง มันไม่ได้มีแต่เรื่องท้าทาย มีแต่เรื่องสนุก ขณะเดียวกันเราก็รู้อยู่ตลอดเวลาว่า เราเป็นเป้าของความสกปรกโสมมของการเมืองอย่างที่เคยเกิดมาโดยตลอด

ตอนยุบพรรคอนาคตใหม่ คนอื่นเขาอาจจะแบบ “โอ๊ย พรรคโดนยุบ” ของผมคือเห็นมาตั้งแต่สมัยคุณจาตุรนต์ ฉายแสง ขึ้นเป็นรักษาการหัวหน้าพรรรคไทยรักไทย ตอนยุบพรรคไทยรักไทย เห็นพรรคพลังประชาชน เห็น 4-5 พรรค สมัยบ้านเลขที่ 111 กับ 109 แล้วก็เห็นพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) จริงๆ มันเป็นสิ่งที่สุดโต่งสำหรับการเมืองไทยนะ คือทูตแต่ละประเทศเวลาคุยกัน เขาบอกว่ามันเป็นเรื่องที่สุดโต่งมาก ในขณะที่คนชอบมาพูดว่าพรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่สุดโต่ง จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ผมกำลังคิดว่าจริงๆ สิ่งที่ผมขอนี้ มันคือแค่สามัญสำนึกของระบอบประชาธิปไตยแค่นั้นเอง ไม่ใช่ว่ารัฐประหารทุกๆ 7 ปี ไม่ใช่ว่าอยากยุบพรรคใครก็ยุบได้ สิ่งที่ผมขอร้องนี้ มันไม่ได้ไปดาวอังคารเลยนะ มันก็แค่ต้องการเอาการเมืองไทยกลับมาสู่สามัญสำนึกอย่างที่มันควรจะเป็น ที่มันเป็นระบบระบอบ

“ก็ไม่แปลกใจ ยิ่งถ้าเกิดรู้ประวัติศาสตร์แล้วเคยผ่านมาก่อน ก็เห็นอยู่ว่าอนุรักษนิยมของไทยโหดร้ายขนาดไหน แล้วถ้าเกิดยิ่งเรียนการเมืองระดับโลกมาแล้ว คิดถึงชิลี คิดถึงแอฟริกาใต้ คิดถึงซิมบับเว รู้สึกว่าการเมืองนี่มันเป็นการเข้าสู่อำนาจกับอำนาจชนกัน มันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”

คุณธนาธรก็เป็นคนที่เข้มแข็ง แล้วเขาก็พร้อมที่จะเสียสละมากกว่าที่เขาโดน 10 ปี มันก็ไม่ได้นานขนาดนั้น เวลามันผ่านไปเร็ว เพราะฉะนั้น ก็คิดว่า น่าเสียดายบุคลากร กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้งหมด ซึ่งไม่มีโอกาสทางการเมืองแล้ว แล้วก็ไปเน้นทำเรื่องสนับสนุนการเมืองท้องถิ่นแทน อะไรเกิดขึ้นก็ต้องทำสิ่งที่เราควบคุมได้ให้ดีที่สุด ผมก็ต้องถือธงนำหน้าในเรื่องการเมืองระดับชาติ

Voice Politics พิธา
  • ชูธงแก้ไขประมวลกฎหมาย ม.112 ผ่านนโยบาย “การเมืองไทยก้าวหน้า”

ผมคิดว่าอันนี้ต้องชี้แจงนะ แล้วก็ไม่อยากจะชี้แจงบ่อย เพราะไม่งั้นเขาก็จะเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาแบ่งแยกพรรคอยู่ตลอดเวลา ผมก็อยากจะเลิกสัมภาษณ์ แล้วก็อยากจะข้ามไปให้ได้แล้ว แต่ครั้งสุดท้ายที่อยากจะพูดก็คือว่า มาตรา 112 ไม่ใช่เรื่องใหม่ พรรคผมยื่นข้างล่างนี่ก็ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 เพราะฉะนั้น ทุกพรรคที่ออกมาสัมภาษณ์ เขาก็รู้อยู่แล้วว่าจุดยืนผมคืออะไร เพราะว่ามันเป็นเรื่องของการเมืองมากกว่าเรื่องเนื้อหาจริงๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ว่าเราใช้แคมเปญหาเสียง แต่ว่ามันเป็นจุดยืนของความเป็น ส.ส.ของเราที่เห็นว่า ทุกสถาบันก็ต้องมีโอกาสในการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 แล้วก็ให้ใกล้เคียงกับนานาชาติมากขึ้น มันเป็นจุดยืนที่เราต้องยอมรับว่า ความรู้สึกของยุคสมัยมันมีความเปลี่ยนแปลงจริงๆ

แล้วก็หน้าที่ของนักการเมืองไทยที่ดี ไม่ควรที่จะสวมเสื้อจงรักภักดี แล้วก็เอาสถาบันมาทำลายกัน แต่ควรที่จะวางพระราชอำนาจ ควรจะวางพระราชฐานะอย่างประณีต มีวุฒิภาวะ สุภาพ แล้วก็เหมาะสม จนกระทั่งอยู่คู่กับประเทศไทยตลอดไป การเมืองไทยควรจะนิ่ง ถ้ามันพอที่จะตกลงกันได้ว่ากฎกติกาแบบนี้นะ อย่างอันที่หนึ่งก็คือยึดโยงกับประชาชน มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น ไม่มีลากตั้งอีกต่อไปแล้ว ไม่มีการเอาสถาบันมาโจมตีกันเหมือนตั้งแต่สมัยตะโกนในโรงหนัง (หัวเราะ)

“ให้กติกาเป็นกติกา ระบบเป็นระบบ เราจะได้มีสมาธิมาแก้ไขเศรษฐกิจ มาแก้ไขเรื่องการศึกษา สิ่งแวดล้อม คนชายขอบ พี่น้องชาติพันธุ์ ความเท่าเทียมกันทางเพศ ตลอดเวลา 20-30 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่มีสมาธิในการคิดกันเรื่องนี้”

  • จาก ‘อนาคตใหม่’ สู่ ‘ก้าวไกล’ ไม่ลดระดับเพดานนโยบาย

มากขึ้นด้วย อะไรที่คุณธนาธรไม่ได้ทำ ผมทำหมด นโยบายพรรคก้าวไกลมีทั้งหมด 9 เสา จำได้ จำง่าย ถ้าการเมืองนิ่ง ถ้าประชาชนรู้สึกปลอดภัย รัฐดูแล เรื่องการบริหารราชการไม่ใช่รวมศูนย์ ไม่เป็นช้างอุ้ยอ้ายอีกต่อไป คราวนี้การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจก็จะสามารถเกิดขึ้นได้จริง พาณิชย์จังหวัดทำงานได้จริง แล้วต่อไปก็จะเป็นเรื่องสำคัญๆที่จะไล่ต่อตามกระบวนการเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ได้

พิธา VoicePolitics A-8153-AC84617A349C.jpegVoice Politics พิธา
  • การเมืองกลั่นแกล้ง ‘ก้าวไกล’ ซ้ำรอยเสี่ยงถูกยุบพรรค

ถ้าจะบอกว่าอารมณ์หรือระบบนิเวศน์ของสังคมไทยปี พ.ศ. 2562 กับตอนนี้เหมือนกัน ผมว่าวิเคราะห์ผิด ผมคิดว่ามันต่างกันไปเยอะพอสมควร อาจจะมีการแสดงออกในช่วง พ.ศ. 2563-2565 ตอนนี้อาจจะเบาลงอะไรก็แล้วแต่ แต่ผมคิดว่าสิ่งที่มันอยู่ในใจคนหรือว่าอยู่ในความคิดคนมันต่างกันเยอะ เพราะฉะนั้น อาจจะเป็นนโยบายที่ถ้าเสนอเมื่อปี 2549 นี่ ไม่สนใจ พ.ศ. 2554 อาจจะไม่สนใจ พ.ศ. 2562 อาจจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้มันเป็นจังหวะที่มะม่วงสุกแล้วพร้อมปอกหลายเรื่อง

เวลาเราพูดเรื่องรัฐสวัสดิการปี พ.ศ. 2562 คนก็จะบอกว่าเพ้อฝัน ทำไม่ได้ วินัยการคลังจะทำยังไง ทั่วโลกนะ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย แต่พอโควิดมา 2 รอบ คนเริ่มรู้สึกแล้วว่า รัฐบาลก็มีหน้าที่อย่างหนึ่งที่จะเป็นตาข่ายสังคมดูแลพวกเรา นโยบายสิ่งแวดล้อม พูดเมื่อปี พ.ศ. 2562 คนก็ไม่ค่อยสนใจว่า นี่คือมรดกของ คสช. พ.ร.บ.เหมือง เรื่องทำโรงงานขยะสัญชาติที่มาจากประเทศเดียวกันไม่ต้องทำ EIA กลิ่นเหม็นไปหมดเลย ตอนหาเสียงตอนนั้น คนไม่ค่อยสนใจ ตอนนี้นี่พอเห็นน้ำท่วมหนักขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่หนักขึ้น กลายเป็นสิ่งที่บังคับให้ทุกๆพรรคการเมืองต้องพูดถึง

  • ฝ่าด่านหลากคำสบประมาททางการเมือง

ไร้เดียงสา อ่อนด้อย สุดโต่ง ไม่มีเงิน อันนี้เป็น 4-5 อันที่โดนสบประมาท ถ้าบอกว่าไร้เดียงสาอ่อนด้อยก็คือ “จะอภิปรายในสภาฯ เป็นเหรอ จะอภิปรายไม่ไว้วางใจได้เหรอ จะเข้าใจงบประมาณจริงเหรอ ทำการเมืองแบบนี้ ไม่มีฐานหัวคะแนน ไม่มีกำนัน ไม่มีผู้ใหญ่บ้าน จะทำได้จริงเหรอ” ก็เป็นสิ่งที่เราได้พิสูจน์มาแล้ว ผ่านการอภิปรายหลายๆครั้ง

ไม่มีเงิน ก็จริง (หัวเราะ) เพราะว่าเราไม่ได้รับเงินจากนายทุนใหญ่ๆ มีคนมาติดต่อนะครับ เป็นนายทุนบริษัทใหญ่ๆที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่เราต้องการจะทลายทุนผูกขาดก็มี แต่ผมก็พูดกับคุณธนาธรว่า พวกนี้ก็รับไม่ได้นะ แต่ก็ยินดีเอาคำสบประมาทนั้นมาเป็นแรงผลักดันในการทำงานของเรา แล้วเราก็เชื่อในวิธีการทำงานของเรา

Voice Politics พิธา
  • ถอดบทเรียนพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เพราะท้าชนอนุรักษนิยม

ถอดบทเรียนไม่ใช่แค่ในพรรค แต่ว่าในสังคมด้วยแล้วว่า การที่ทำลายสถาบันการเมือง พรรคการเมืองเกิดได้ยาก ยุบได้ง่ายในประเทศไทย อย่างที่ผ่านมาก็มีข่าวจะยื่นยุบพรรคกัน มันก็เป็นสิ่งที่สังคมออกมาต่อต้านกันมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่สิบกว่าปีที่แล้วไม่เคยเกิดขึ้น 3-4 ปีที่แล้วยังไม่เกิดขึ้น ตอนที่โดนยุบพรรคใหม่ๆนี้ คุยกับนักธุรกิจ คุยกับชาวต่างชาติ คุยกับทูตที่อยู่ในประเทศไทย เขาก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทูตบางคนเพิ่งมาใหม่ ยังนึกภาพไม่ออกไง แต่ถ้าเกิดใครที่อยู่ในการเมืองมาสัก 20-30 ปี ก็จะเห็นว่า มันเป็นเรื่องที่เราไม่ค่อยนึกถึงว่ามันเป็นเรื่องที่สุดโต่งมาก นึกว่าเป็นเรื่องประชาธิปไตยแบบไทยๆ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 9 คน ก็ยุบพรรคได้ทุกพรรคอยู่แล้ว มันเป็นสิ่งที่เรายอมรับกัน

แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วไง คือผมคิดว่า คนตาสว่าง แล้วคนที่ตื่นว่า ถ้าเกิดพรรคการเมืองมาจากประชาชน ก็ต้องตายด้วยประชาชน ไม่ใช่ตายด้วยองค์กรอิสระต่างๆ ซึ่งเป็นองคาพยพของระบอบประยุทธ์ที่มันเป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ผมก็คิดว่า บทเรียนตรงนั้นมันไม่ใช่แค่จุลภาคแค่ภายในพรรค แต่ถ้าเกิดถาม ผมเชื่อว่าคนที่อยู่กับพรรคตอนนี้ ถ้าต้องกลับไปอีกทีหนึ่ง เราไม่เล่นการเมือง เราทำการเมือง

คนก็จะชอบสบประมาทว่าเล่นการเมืองไม่เป็น “คุณทำอย่างนี้คุณเสียแต้มนะ คุณทำอย่างนี้คุณเสี่ยงนะ คุณทำอย่างนี้เกษตรกรไม่เลือกคุณแน่นอน ทำอย่างนี้นักศึกษาทิ้งคุณแน่นอนเลยนะ” แต่ว่าพอเราคำนวณกันภายในพรรค ประชุม ส.ส. แล้ว ประชุมกรรมการบริหารพรรคแล้ว เมื่อเราตัดสินใจอย่างนั้น เราก็ไม่มองกลับหลังอีก

“ถามว่าเสียใจกับสิ่งที่ได้เกิดขึ้น แล้วก็ทำให้พรรคการเมืองที่เป็นความหวังของประชาชนมีอายุแค่ 8-9 เดือนไหม อย่างที่บอก พรรคมันก็เป็นแค่พาหนะ แต่การเดินทางของประชาชนที่เขายอมให้เราเป็นตัวแทนนั้น มีคุณค่าแล้วก็ศักดิ์สิทธิ์กว่าเยอะ”

พิธา VoicePolitics -19C2486D6F9D.jpegVoice Politics พิธา
  • ข้อครหา‘ก้าวไกล’ มี ส.ส.งูเห่าถูกพลังดูด

สิ่งที่สังคมควรจะถามถึงคือ การกระทำของพรรคที่ทำแบบนี้ในการให้กล้วย กับการดูดงูเห่า ว่าทำแบบนี้ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเป็นการทำลายระบบประชาธิปไตยหรือไม่ มากกว่าพรรคที่โดน แต่ในขณะเดียวกัน พอระบบมันเป็นอย่างนั้น ในระดับการบริหารจัดการคัดคนของพรรค เราก็ต้องยอมรับว่าเราเสียใจ แล้วก็ขอโทษประชาชนกับสิ่งที่เกิดขึ้น ที่ทำให้พี่น้องในหลายจังหวัดต้องผิดหวังกับเสียง ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เขาให้มา แล้วเราก็ต้องถอดบทเรียนจากความผิดพลาดครั้งนั้นในการคัดคนให้มากขึ้น ซึ่งตอนพรรคอนาคตใหม่นั้น ผมไม่ได้อยู่ในกรรมการบริหารพรรค แต่ก็เห็นอยู่ว่า มีเวลา 60-70 วัน แล้วก็อยากจะเป็นพรรคระดับชาติ ก็ต้องส่งว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ให้ครบ 350 เขต ก็อาจจะไม่มีเวลาในการทำงาน แล้วก็ไม่สามารถที่จะประเมินคำว่าอุดมการณ์ของแต่ละคนได้

แต่สุดท้ายแล้วนะ เรื่องรัก โลภ โกรธ หลง จิตใจของมนุษย์นี้ มันก็เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ยาก ถามว่าเราเสียใจไหม เราเสียใจ ถามว่าเราปรับปรุงไหม เราปรับปรุง ถามว่าเราทำเต็มที่ไหม เราทำเต็มที่แน่นอน แล้วก็หวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เป็นเรื่องที่เป็นปกติ มันเป็นเรื่องที่สุดโต่งมากสำหรับประชาคมโลกเหมือนกันนะ แต่ว่ามันเป็นเรื่องปกติของสังคมไทย ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกพรรค

ผมก็ไม่ชอบใช้คำอุปมาอุปไมยแบบทหารนะ แต่ว่าอย่างน้อยก็คือ บาดเจ็บในสนามซ้อมดีกว่าตายในสนามรบ (หัวเราะ) ก็คือเราเต็มที่กับกระบวนการก่อนที่จะมีการเลือกตั้งจริงๆ อะไรที่เป็นข้อกังวลใจของพี่น้องประชาชนที่ส่งมา ก็เข้าคณะกรรมการวินัยหมด ผมไปลงโทษเขาไม่ได้ แต่ผมว่าประชาชนจะพิพากษาเขาเอง ผมยังรู้สึกทุกครั้งเวลาที่ลงพื้นที่งูเห่าของผม ผมต้องเอาคนที่อุดมการณ์แน่นกว่า มีประสบการณ์มากกว่า มีประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่า ใหม่กว่า สดกว่า เข้าไปแทนที่ทุกครั้งเพื่อที่จะทวงแชมป์คืนให้ได้

พิธา VoicePolitics  BA1027B69258.jpeg
  • การเลือกตั้งปี 2566 จะทำให้การเมืองเปลี่ยนขั้วได้หรือไม่

คิดว่าสิ่งที่ประชาชนเข้าใจ แต่นักวิเคราะห์การเมืองอาจจะไม่เข้าใจก็คือว่า ประชาชนเขาเข้าใจว่าความเสี่ยงมากที่สุดในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ เลือกผู้เล่นแบบเดิม นโยบายแบบเดิม แล้วหวังจะให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผมมั่นใจว่า เขาเข้าใจว่ามันต้องมีทั้งเลือดใหม่ เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆ เป็นขั้วที่เป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด ผมคิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยกันทั้งหมดเหมาะสม มีบุคลากรที่เหมาะสมที่จะเป็น ครม. ที่จะดูแลเรื่องความมั่นคง ดูแลเรื่องยาเสพติด คุณนึกภาพออกนะ ผมพูดถึงใคร ผมก็นึกออกว่าใครที่เหมาะ ดูแลเรื่องเศรษฐกิจมหภาค ดูแลเรื่องกระทรวงพาณิชย์ ดูแลเรื่องการต่างประเทศ ดูแลเรื่องอุตสาหกรรม

“ผมคิดว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมด เป็นขั้วที่เป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุด แล้วเขาก็เข้าใจว่าถ้าเกิดยังจะเลือกแบบเดิม แล้วจะหวังผลลัพธ์ใหม่ๆ มันเป็นความเสี่ยงที่เขารับไม่ได้”

ส่วน ส.ว. ก็หวังว่าคงจะเห็นว่า นี่คือเจตจำนงของประชาชน นี่คือฉันทามติของประเทศที่ไม่ต้องการแบบนี้ ก็หวังว่าเขาจะตัดสินใจได้ยากกว่าปี พ.ศ. 2562 เยอะ คือปี พ.ศ. 2562 คงยังไม่มีใครรู้ว่ามันจะมาไกลถึงขนาดนี้สำหรับวุฒิสภา แต่สำหรับครั้งนี้ ผมคิดว่าราคาที่เขาต้องจ่ายสูงกว่าเยอะ ก็คิดว่าเขาก็คงรอดูเจตจำนงของพี่น้องประชาชน

พิธา VoicePolitics  EAE7F999255F.jpeg
  • รับมือกติกาบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ - สูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อหาร 100

ตอนนั้นเราต้องการขอระบบจัดสรรปันส่วนผสม (MMP) เหมือนเยอรมนี แต่ว่าตอนนี้ ถ้ามาเป็นลักษณะแบบนี้ มันก็ไม่ได้ดั่งใจก็จริง แต่ว่าเราก็พร้อมสู้ แล้วก็ไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ทำงานให้เต็มที่ ก็ควบคุมในสิ่งที่เราควบคุมได้ เราก็เห็นแล้วว่าถ้า 350 เป็น 400 เขต หาร 2 ใบอย่างนี้ คุณต้อง Hyperlocal อย่างเดียว คุณต้องลงพื้นที่อย่างหนักหน่วง แล้วคุณต้องรู้ทุกพื้นที่ ผมว่าตัวเลขเลิกคุยกันได้แล้ว เพราะสภาฯ มันจะกลายเป็น 700 กว่าที่นั่งเท่าเยอรมนีอยู่แล้ว

แต่ว่าสิ่งที่เป็นเป้าหมายก็ได้พูดไปแล้ว อันที่หนึ่งก็คือ มี ส.ส. ครบทุกภาค คราวที่แล้วมี ส.ส. ครบทุกภาค แต่ ส.ส. เขตภาคใต้ไม่ได้ สงขลาได้มา 20,000 กว่าคะแนน ที่ 2 มั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ คราวนี้ก็มีเขตยุทธศาสตร์ในภาคใต้ที่หวังว่าจะทำให้ได้ อันที่สองก็คือ ตัวเลขส่วนประกอบ อยากจะให้เป็น ส.ส. เขตมากกว่า ส.ส. บัญชีรายชื่อให้ได้ อันที่สามก็คือ อยากจะได้ ส.ส. ให้มากกว่าเดิม ซึ่งเรารู้จำนวนตัวเลขของเราอยู่ 400 กว่าเขตนี้ ผมรู้ว่าต้องป้องกันแชมป์กี่เขต ผมรู้ว่าผมแพ้ไปแค่ 5 เปอร์เซ็นต์กี่เขต ผมรู้ว่าผมแพ้ไปแค่ 10 เปอร์เซ็นต์กี่เขต ผมรู้ว่าผมมาเป็นที่ 3 แต่มี 20,000 คะแนนกี่เขต

เพราะฉะนั้น ในหัวผมมันก็รู้อยู่ ยุทธศาสตร์ที่จะทำน้อย ได้มาก ไม่ใช่ทำมาก ได้น้อย มันอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วตัวเลขในใจผมก็มี แต่ผมไม่บอก คุณต้องทำให้ผมเป็นแคนดิเดตนายกฯคนเดียวที่เข้าหมู่บ้านแบบนี้ได้ ถ้าเกิดเป็นซอยตลาด คุณต้องบอกผมให้ได้ว่าซอยไหน หลังคาไหนเหลือง หลังคาไหนแดง หลังคาไหนเขียว ก่อนที่จะเอาผมลงไป พอผมลงไปผมรู้เลยว่า เป้าหมายผมมานี้ ผมไม่ได้มาหาเสียงเลื่อนลอยนะ เพราะแม่ค้าตลาดนี้มีสำมะโนครัวอยู่ที่นี่ ไม่ได้มาจากที่อื่น ผมรู้ว่าคนที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใครคือคนไหน ผมมีหน้าที่ตรงไปเท่านั้น แล้วก็ทำให้กระดิ่งในใจเขาดังขึ้นให้ได้ผ่านนโยบายแล้วก็การทำงานของผม

  • ‘นิด้าโพล’ ชี้ คน กทม. อยากให้ ‘พิธา’ เป็นนายกฯ

แน่นอน มันก็เป็นสิ่งที่ต้องขอบคุณคนกรุงเทพฯ ที่ให้ความนิยมมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ผมอยากจะทำงานให้มากขึ้น เป็นกำลังใจว่า ให้เป็นแคนดิเดตนายกฯ ที่มุ่งมั่นมากที่สุด ขยันมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง แล้วสักวันหนึ่งก็หวังว่า สิ่งที่ผมพยายามจะทำสามารถที่จะซื้อใจคนทั้งประเทศได้ ไม่ใช่แค่ในกรุงเทพมหานคร

พิธา VoicePolitics  CC8781D683.jpegVoice Politics พิธาVoice Politics พิธา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฉายฉาน คำคม
นักข่าวการเมืองภาคสนามสองภาษา เขียนข่าวต่างประเทศบ้างบางเวลา เป็นทาสแมว ชอบกินช็อกมิ้นท์
23Article
0Video
0Blog