ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี เผยเปลี่ยนแสกผม เพราะผมน้อย ไม่เกี่ยวถือเคล็ด ยืนยันพร้อมสู้ศึกอภิปราย พร้อมแจงทุกประเด็น มั่นใจพรรคร่วมยังเหนียวแน่น ขออย่าตีความคนรวยปี 30 ขณะวอนสื่ออย่าเอ่ยชื่อ 'ทักษิณ' เพราะเขาไม่ได้อยู่ในประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า กรณีมีกระแสข่าวโหวตสวนมติพรรคพลังประชารัฐ ว่าตนได้ตรวจสอบกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐแล้ว ยืนยัน ว่าไม่มีเรื่องนี้ เป็นเรื่องของพรรคการเมืองจะว่ากันไป ยืนยัน ในพรรคยังมีความสามัคคี รวมถึง พรรคร่วมรัฐบาล ยังมีเหนียวแน่นกันอยู่ ในการทำงานว่าจะทำเพื่อประชาชน เพื่อชาติอย่างไร และสถาบันหลักของชาติ อย่างไรด้วยนั้น คือ หลักการของรัฐบาลของนายกรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ซึ่งร่วมกันทำงานในเวลานี้ 

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังชี้แจงเรื่องเศรษฐกิจที่บอกว่ามีคนรวยจากกิจการโทรคมนาคม ปี 2530 ว่าเป็นการต้องการให้เห็นการพัฒนาประเทศของเรา มีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร จากประเทศที่มีรายได้ภาคการเกษตร มีการพัฒนาปรับปรุงเปลื่ยนแปลงการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมมากขึ้น จนถึงวันนี้ เตรียมการเรื่องเศรษฐกิจ อย่างการโครงการ BCG เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก และเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อนำผลวิจัยและการพัฒนาต่างๆ สู่การผลิต การใช้ในภาครัฐและภาคเอกชนต่อไป ดังนั้นสื่ออย่าตีความ ที่ตนพูด ไปเป็นเรื่องอื่นๆ 


ปัดถือเคล็ดแสกผมข้างใหม่

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงการแสกผมข้างใหม่ ว่าได้ถือเคล็ดอะไร และไม่ได้เกี่ยวกับการถือเคล็ดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะอภิปรายก็คืออภิปรายตนพร้อมรับฟัง ซึ่งตนเองก็พร้อมชี้แจงและอภิปรายในทุกเรื่อง ส่วนเรื่องทรงผม ก็ขึ้นอยู่กับจำนวนผมที่มีอยู่ ก็ยังไม่คุ้นกับทรงผมใหม่ พร้อมย้ำว่า "ไม่มีเคล็ดอะไรทั้งสิ้น"

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามย้ำ ช่วงที่เดินไปยังตึกไทยคู่ฟ้า ถึงการเปลี่ยนทรงผม เพราะอยากให้ดูหนุ่มเหมือน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ออกมาต่อยมวยโชว์ความฟิตหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "อย่าเอ่ยชื่อได้ไหม เขาไม่ได้อยู่ในประเทศ"

ในช่วงท้าย ผู้สื่อข่าวยังไม่ได้สอบถาม นายกรัฐมนตรี ว่าในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้จะไปร่วมประชุมติวอภิปรายที่พรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ทำท่าชกมวย แต่ไม่ได้ตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด


ยันปลายเดือน ก.พ.ได้รับวัคซีนโควิด

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยว่า รับรายงานจากกระทรวงสาธารณสุข ทราบว่า ในปลายเดือนก.พ. นี้ จะมีส่งวัคซีนจากบริษัทซิโนแวคเข้ามา 2 แสนโดส ซึ่งจะมีการทยอยเข้ามาตามลำดับ และเดือนมี.ค. 8 แสนโดส เดือน เม.ย.อีก 1 ล้านโดส ทาง อย.ดำเนินการด้วยความรอบคอบ ยืนยันมีแผนในการวางฉีดวัคซีน ในกลุ่มต่างๆ ทั้งไว้แล้ว การฉีดจะดำเนินการให้กับบุคลากรที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง พื้นที่เสี่ยง หรือกิจการที่มีความเสียง

IMG_20210209092233000000.jpg


สั่งส่วนราชการปรับปรุง TIA ประเมินทุจริตคอรัปชัน

พล.อ.ประยุทธ์ เปิดเผยถึงดัชนีการทุจริตของประเทศไทย ซึ่งตนได้ให้ประชุมร่วมกันในส่วนของราชการ และภาคประชาชน การกำหนดมาตรการให้เจ้าหน้าที่ของรัฐพนักงานปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวก โดยมีกพร.เป็นเจ้าภาพ ปรับปรุงการประเมิน ITA เพื่อสะท้อนคะแนนของ ITA ให้มากขึ้น และหน่วยงานของรัฐต้องเร่งประชาสัมพันธ์เชิงรุก ถึงผลงานในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น อย่างคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน อย่างคดีบอส อยู่วิทยา โดยตนได้รับรายงานมาว่ามีการฟ้องร้องคดีใหม่ไปแล้ว และออกหมายแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย โดยประชาชนสามารถติดตามได้จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีความก้าวหน้าการประสานงานกับต่างประเทศ และได้ดำเนินการไปอย่างครบถ้วน เพียงแต่ต้องรอว่าเมื่อไหร่จะได้ตัวกลับมา ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจหรือเก็บเรื่องไว้ในกระเป๋า 

ส่วนจำนวนคดีการทุจริตคอรัปชั่นที่อาจมีจำนวนมากขึ้น ขออย่ามองด้านเดียว เพราะตามกฎหมายไทย ใครก็ฟ้องร้องได้ แต่ทั้งหมดเป็นไปตามขั้นตอนการพิจารณาของศาลที่เกี่ยวข้อง ถูกต้องหรือไม่ก็ต้องตรวจสอบกันไป ทุกอย่างต้องมีหลักฐานตามกระบวนการยุติธรรมยืนยันว่าตนไม่อยากมีปัญหา หลายคนไม่เข้าใจก็เอามาพูดว่านายกฯไม่ทำอะไรเลย หากไม่ทำแล้วจะมีคดีหรือไม่ และมีการหนีคดีหรือเปล่า คนที่พูดก็ทราบดีอยู่แล้ว 

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง กรณีที่ชาวประมงร้องเรียนขอวันทำการประมงเพิ่มเติมว่า ได้สั่งการให้คณะกรรมการพิจารณาตามความเหมาะสม จึงจำเป็นต้องดูแล เนื่องจากอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิค-19 ซึ่งคณะกรรมการได้พิจารณาไปแล้ว เป็นเรื่องที่เรียนเพื่อทราบ แต่ตนขอยืนยันว่าทุกอย่างต้องทำตามกฎเกณฑ์ของ IUU ต่อไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :