พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงผลการประชุมอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กรมราชทัณฑ์ เพื่อพิจารณาลงโทษข้าราชการผู้กระทำผิดวินัย ว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ ได้มีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการที่ทำผิดวินัย ซึ่งได้ไล่ออก ปลดออก และให้ออกไปแล้ว 43 ราย ด้วยพฤติการณ์ที่ทำให้เกิด ความเสื่อมเสีย และมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน และสำหรับปี พ.ศ.2562 กรมราชทัณฑ์ ได้เริ่มต้นจัดการประชุม อ.ก.พ.กรมราชทัณฑ์ ครั้งที่ 1/2562ขึ้น เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมมีมติพิจารณาลงโทษข้าราชการกรณีกระทำผิดวินัย จำนวนทั้งสิ้น 6 ราย โดยมีมติไล่ออกจากราชการ จำนวน 5 ราย และให้ออกจากราชการ 1 ราย
สำหรับพฤติการณ์ต่างๆ ของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ที่กระทำผิดจนถูกลงโทษทางวินัยมี ดังนี้
1. ถูกเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมและดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต
2. มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และลักลอบนำยาเสพติดเข้าเรือนจำฯ
3. นำหมึกสักเข้าไปให้ผู้ต้องขังภายในเรือนจำฯ และได้รับผลประโยชน์ตอบแทน
4. ละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน
5. ตรวจปัสสาวะ ผลปรากฏพบสารเสพติดประเภทเมทเอมเฟตามีนในปัสสาวะ และละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่า 15 วัน
นอกจากนี้ ที่ประชุม อ.ก.พ.กรมฯยังมีมติให้ออกจากราชการอีก 1 ราย ด้วยพฤติการณ์นำยา B5 (Benzhexol)จำนวน 5 เม็ด เข้าไปให้ผู้ต้องขังในเรือนจำฯ ซึ่งถือเป็นสิ่งของต้องห้ามตามระเบียบเรือนจำ
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้เน้นย้ำให้ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ทุกคน ปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมาย แต่ยังคงมีข้าราชการส่วนน้อยที่มีพฤติการณ์กระทำผิด ซึ่งกรมราชทัณฑ์ มิได้นิ่งเฉยต่อการกระทำของบุคคลเหล่านี้และได้ลงโทษผู้กระทำผิด เพื่อมิให้เป็นแบบอย่างกับข้าราชการอื่นๆ ตลอดจนเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ต่อไป