วันที่ 30 เมษายน 2566 พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ พรรคก้าวไกล ทั้ง 10 เขต ร่วมเวทีปราศรัยใหญ่จังหวัดเชียงใหม่ ที่ลานหน้าอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ถือเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ประชาชนรอติดตามพรรคก้าวไกลอย่างล้นหลาม จนเรียกได้ว่าลานสามกษัตริย์แตก โดยเฉพาะเมื่อพิธาเดินทางมาถึงพื้นที่
พรรณิการ์ ปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มี 3 เหตุผลที่ต้องกาพรรคก้าวไกลเท่านั้น หนึ่งคือเพื่อพิสูจน์ว่าพรรคการเมืองที่ทำงานรับใช้ประชาชน ไม่รับเงินนายทุน ไม่ต้องเกรงใจนายทุนพรรค เกรงใจแค่ประชาชน เป็นไปได้ในสังคมไทย สองเพื่อพิสูจน์ว่าปัญหาสิทธิเสรีภาพ การใช้กฎหมายปิดปากประชาชน กับปัญหาปากท้อง ที่ดิน สวัสดิการ แก้ไปพร้อมกันได้ ไม่ต้องเลือก ไม่ต้องรอ สามคือเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อหักหน้าคนที่ยุบพรรคอนาคตใหม่ เอาปลายปากกา อาวุธที่แหลมคมกว่าปืน ใช้บัตรเลือกตั้งบอกว่าพรรคอนาคตใหม่คือผู้คน ไม่ว่าจะยุบอีกกี่พรรค ก็เอาพรรคของเราออกไปจากหัวใจของประชาชนไม่ได้ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พรรคอนาคตใหม่มี 6.3 ล้านเสียง อีก 2 สัปดาห์ ขอให้หัวคะแนนธรรมชาติทำงานอย่างหนัก ขอเพิ่มเป็น 10 ล้านเสียง ประกาศว่ายิ่งทุบทำลาย พรรคก้าวไกลยิ่งโต
ปิดท้ายการปราศรัยด้วยพิธา อ้อนพี่น้องประชาชนชาวเชียงใหม่ว่าพรรคก้าวไกล ‘ชัดและพร้อม’ กล่าวคือ ‘ชัด’ ที่จุดยืน คือ ‘มีลุงไม่มีเรา มีเราไม่มีลุง’ ไม่ได้เอาออกแค่ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เอาประวิตร วงษ์สุวรรณออกไปด้วย ส่วน ‘พร้อม’ หมายถึงพรรคก้าวไกลพร้อมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คนเชียงใหม่ เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ผ่าน พ.ร.บ.อากาศสะอาด กระจายงบลงมาให้ประชาชนช่วยดับไฟป่า เปลี่ยนผู้บุกรุกให้เป็นผู้บุกเบิก เปลี่ยนจากประชาชนที่อาศัยอยู่ในป่าอย่างผิดกฎหมาย ให้มีสิทธิบนผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษของเขา ออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีป่าไม้และตั้งเขตวัฒนธรรมพิเศษให้กับพี่น้องชาติพันธุ์ เปลี่ยนเชียงใหม่เมืองปราบเซียนเรื่องการทำธุรกิจ ให้กลายเป็นเมืองปากท้อง ทำมาค้าขายคล่อง แก้กฎหมายสุราก้าวหน้า ขยายโอกาสให้ประชาชนคนภาคเหนือ
“14 พฤษภาคมนี้ ขอให้ประชาชนทุกคนหยิบปากกาวิเศษออกมา เสกเวทย์มนต์ให้ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม ให้เชียงใหม่ไม่เหมือนเดิม ให้การเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต” พิธากล่าวทิ้งท้าย