วันที่ 25 เมษายน 2568 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี นางสาว แพทองธาร ชินวัตร เปิดเผยถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภามีมติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ENTERTAINMENT COMPLEX ว่า แม้ถึงเวลานี้ รัฐบาลจะเลื่อนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจรฯ ออกไปแล้ว แต่จากการทำงานของ สว.ชุดนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลในหลายเรื่อง การตั้งคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว แม้อ้างว่าเป็นการทำงานตามบทบาทหน้าที่ แต่เป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าสว. ไม่เห็นด้วยกับโครงการ ENTERTAINMENT COMPLEX เพราะคณะกรรมาธิการทั้ง 35 คนที่ตั้งขึ้นมาส่วนใหญ่เป็นคู่ขัดแย้งกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย รวมที่ผ่านมามีการแสดงท่าทีหรือให้ความคิดเห็นต่อสาธารณะที่เป็นทั้งเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาลมาเป็นคณะกรรมาธิการ
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า การพิจารณาและการให้ความเห็นของสมาชิกสว.รวมทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยที่มีการแสดงออกผ่านสื่อสาธารณะ ขอยืนยันว่ารัฐบาลพร้อมรับฟังและหากมีข้อเสนอแนะที่ดีก็พร้อมนำไปปฏิบัติ แต่หากท่านไม่เห็นด้วยในกรณีใดหรือกังวลในข้อใดๆ รัฐบาลพร้อมชี้แจงในทุกด้านอย่างมีเหตุผล ซึ่งทุกฝ่ายควรที่มานั่งพูดคุยกันมาไปโวยวายนอกสภาเพราะไม่มีประโยชน์อะไร ทั้งนี้โครงการ ENTERTAINMENT COMPLEX เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ที่ประเทศไทยเคยมีมา ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์กับภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนอย่างแน่นอน
“การลงทุนขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้น จากโครงการธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ ENTERTAINMENT COMPLEX มีส่วนสำคัญในการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประเทศไทยทั้งของกินของใช้ ส่งลให้เกิดการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นในพื้นที่ที่มีการกำหนดให้เป็นสถานที่ตั้งและจังหวัดใกล้เคียงหลัก 100,000 ล้านบาท รวมไปถึงการจ้างงานมากกว่า 40,000 อัตรา ทั้งก่อนและหลังการก่อสร้าง ในขณะที่ประเทศไทยกำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจขาดการลงทุนขนาดใหญ่เนื่องจากงบประมาณของรับบาลมีจำกัด ดังนั้นการดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจึงมีความจำเป็นมาก ดังนั้นหวังว่าการพิจารณาของสว.จะเห็นถึงความจำและยึดผลประโยชน์ประเทศและประชาชนเป็นสำคัญ โดยไม่นำอคติส่วนตัวมาเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณา เพราะจะส่งผลกระทบที่รุนแรงกับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนในระยะยาว รวมทั้งกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจและประชาชนทั้งประเทศด้วย” นายสงคราม กล่าว