ไม่พบผลการค้นหา
ดีอีเอส เตรียมเข้าแจ้งความ 300,000 URL ยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูล ยืนยันดำเนินการภายใต้กรอบกฎหมาย ไม่ปิดกั้นสิทธิ ขอประชาชนใช้โซเชียลอย่างระมัดระวัง พร้อมระบุ ประธานวิปฝ่ายรัฐบาลร่วมวงถกชวน หาทางออกประเทศ

พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่าขณะนี้ได้มีการติดตามเฝ้าระวังการสื่อสารผ่านทางโซเชียลมีเดียว่ามีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร โดยหากมีเนื้อหาที่ผิดกฎหมายก็จะถูกดำเนินคดี เนื่องจากขณะนี้มีการประกาศและบังคับใช้ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน)

โดยพุทธิพงษ์ ยอมรับว่า ตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา (14 ต.ค.) มีการพยายามใช้โซเชียลมีเดียในการสื่อสารหลากหลายรูปแบบ โดยในวันนี้ (19 ต.ค.) เวลา 11.00 น ได้มอบหมายให้รองปลัดกระทรวง แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้โซเชียลมีเดียไปในทางที่ผิดกฎหมาย ราว 300,000 URL ซึ่งรวมไปถึงสำนักข่าวหรือเพจข่าวที่มีเนื้อหาเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย 

ส่วนจะแค่สั่งปิดหรือเป็นการแจ้งเตือนต้องดูในรายละเอียดอีกครั้ง แต่หากมีคำสั่งศาลจำเป็นต้องสั่งปิด โดยหากเป็นทีวีดิจิทัลต้องมีการประสานไปยัง กสทช.ซึ่งการดำเนินคดีจะต้องดูในข้อกฎหมายว่าเข้าข่ายกระทำความผิดอย่างไรฉบับใดบ้าง ซึ่งยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานด้วยความระมัดระวังและรอบคอบไม่ได้เลือกปฏิบัติกับใคร ยืนยันดำเนินการภายใต้กรอบไม่ได้ปิดกั้นสิทธิของประชาชน พร้อมฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดียไม่ให้มีเนื้อหายุยงปลุกปั่น และบิดเบือนข้อมูล

ทั้งนี้ยอมรับว่าคำสั่งที่ลงนามโดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กรณีห้ามเผยแพร่ข้อมูลที่เข้าข่ายยุยงปลุกปั่นในโซเชียลมีเดียบางฉบับเป็นเอกสารจริงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด

ส่วนกรณีที่ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาเรียกประชุมฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาลเพื่อหาทางออกร่วมกันในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองขณะนี้ ว่าจะมีการขอเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญหรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องของสภา และในวันนี้วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาลก็จะเดินทางเข้าร่วมประชุมด้วย ส่วนผลการหารือจะเป็นอย่างไรนั้นจะนำกลับมาพูดคุยภายในพรรคพลังประชารัฐอีกครั้งว่าจะตัดสินใจอย่างไร ซึ่งในส่วนของพรรคพลังประชารัฐยังไม่ได้มีการหารือเรื่องการเปิดประชุมสมัยวิสามัญแต่อย่างใด