วันที่ 27 ก.ค. 2565 พรรคเพื่อชาติ ออกแถลงการณ์กรณีการลาออกของคณะกรรมการบริหารพรรค โดยระบุว่า สืบเนื่องจากที่ผ่านมา พรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองขนาดกลางและอยู่ระหว่างการสรรหาบุคคลที่มีวิสัยทัศน์และประสบการณ์ทางการเมืองมาเป็นหัวหน้าพรรค จึงเป็นผลทําให้พรรคเพื่อชาติ ขาดความโดดเด่นในบทบาทและการดําเนินกิจกรรมของพรรคในรัฐสภามาระยะหนึ่ง

ต่อมาหลังจากที่ ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ ส.ส.อุตรดิตถ์ ถูกขับออกจากพรรคเพื่อไทย ในขณะนั้น คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติได้มองเห็นว่า ศรัณย์วุฒิมีความจําเป็นเดือดร้อน จะต้องหาพรรคการเมืองสังกัดเพื่อรักษาสถานะภาพการเป็น ส.ส. พรรคเพื่อชาติ เห็นว่า การช่วยเหลือศรัณย์วุฒิซึ่งกําลังตกทุกข์ได้ยากนั้นเป็นหนึ่งในอุดมการณ์ของพรรค ประกอบกับพรรคเคยเห็นบทบาทและได้ยินได้ฟังศรัณย์วุฒิบอกกับสังคมเสมอว่า ตนเองเป็นคนกล้าหาญ ไม่กลัวใคร ใจซื่อมือสะอาด และเป็นนักต่อสู้ทางการเมืองมาโดยตลอด สมาชิกพรรคและคณะกรรมการพรรคเพื่อชาติ จึงได้ตัดสินใจทาบทามและให้โอกาสศรัณย์วุฒิมาดํารงตําแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อชาติเป็นการชั่วคราว จนกว่าพรรคจะได้บุคคลที่เหมาะสมมาทําหน้าที่หัวหน้าพรรคคนใหม่ 

แต่หลังจากที่ศรัณย์วุฒิได้เข้ารับตําแหน่งและทําหน้าที่เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อชาติ กลับทําตัวมีพฤติกรรมไปในลักษณะอันเป็นอุปสรรคต่อการทํางานของพรรค เช่น การไม่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรค การไม่ยอมลงนามในเอกสารต่างๆ อันเป็นหน้าที่ และความรับผิดชอบของหัวหน้าพรรค จนทําให้พรรคไม่สามารถดําเนินกิจกรรมที่สําคัญได้และยังทําให้เกิดความเสียหายต่อพรรคโดยรวม อาทิ การไม่ยอมลงนามในหนังสือส่งรายงานที่มีความสําคัญและจําเป็นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อพรรคและจะต้องชําระค่าปรับตามกฎหมาย แม้ว่าพรรคเพื่อชาติจะพยายามที่จะติดต่อให้นายศรัณย์วุฒิมาร่วมประชุมหรือมอบอํานาจให้กรรมการบริหารพรรคคนใดคนหนึ่งทําหน้าที่แทน เพื่อให้พรรคสามารถดําเนินการแทนนายศรัณย์วุฒิในเรื่องต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย แต่พรรคก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากนายศรัณย์วุฒิในทุกๆ เรื่องแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ศรัณย์วุฒิ ยังมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมต่อการเป็นผู้นําพรรค เช่น การด้อยค่ากรรมการบริหารพรรคและผู้ร่วมงาน การปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกิจกรรมของพรรคโดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจกรรมสําคัญที่พรรคเพื่อชาติจัดขึ้น เพื่อให้ความรู้แก่สมาชิกและประชาชนที่เมืองทองธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค.2565 ที่ผ่านมา ศรัณย์วุฒิในฐานะหัวหน้าพรรคก็ไม่มาร่วมกิจกรรมดังกล่าวโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องให้พรรคทราบ การขาดภาวะผู้นําและวิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการพรรค

ตลอดจนการทํางานที่พรรค ต้องคอยตอบสนองความต้องการของศรัณย์วุฒิแต่เพียงผู้เดียว อันมิใช่เรื่องส่วนรวมของพรรค ซึ่งการมีพฤติกรรมของศรัณย์วุฒิเช่นนี้ ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และยังเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและการทํางานของพรรคเพื่อชาติ ในฐานะพรรคการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 2565 ศรัณย์วุฒิยังได้ไปให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนช่องหนึ่ง มีการแพร่ภาพและเสียงออกอากาศให้ประชาชนชมโดยทั่วไป ซึ่งศรัณย์วุฒิได้กล่าวถ้อยคําพาดพิงทําให้พรรคเพื่อชาติได้รับความเสียหาย มีการกล่าวหาว่ามีผู้ครอบงําพรรคเพื่อชาติซึ่งไม่เป็นความจริง และยังมีการกล่าวอีกว่าพรรคเพื่อชาติเป็น “วัดร้าง” ที่เต็มไปด้วย “สัมภเวสี” 

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ศรัณย์วุฒิมิได้มีความเชื่อมั่นศรัทธาต่อพรรคเพื่อชาติและประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ มีการจงใจที่จะไม่ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าพรรคตามข้อบังคับของพรรคเพื่อชาติ อีกทั้งยังใช้วาจาและแสดงพฤติกรรมที่จงใจสร้างความเสียหายให้แก่พรรคเพื่อชาติอย่างร้ายแรง อันเป็นพฤติกรรมที่มิใช่วิสัยของผู้นําพรรคควรจะเป็น หากพรรคเพื่อชาติจะเป็นวัด ก็เป็นวัดที่เป็นที่พึ่งพิงให้แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก ผู้หนีร้อนมาพึ่งเย็น “หาใช่วัดร้างที่มีแต่สัมภเวสีไม่” ซึ่งการกล่าวหาของศรัณย์วุฒิเช่นนี้ เท่ากับเป็นการดูถูกประชาชนผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ และเป็นผู้ที่อยู่ในบ้านหลังนี้เช่นกัน

พรรคเพื่อชาติ ในฐานะสถาบันทางการเมืองที่มิได้ยึดโยงกับผู้หนึ่งผู้ใดเป็นการเฉพาะ หากแต่ยึดโยงกับสมาชิกพรรคและประชาชนผู้สนับสนุนเป็นที่ตั้ง มิอาจปล่อยให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดมาทําให้กิจกรรมของพรรคเพื่อชาติสะดุดหรือหยุดลง อันจะเป็นการทําลายความเป็นสถาบันของพรรคเพื่อชาติ และทําลายความเชื่อมั่นและความคาดหวังของพี่น้องประชาชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อชาติอีกด้วย พฤติกรรมและการกระทําที่ไม่เหมาะสมของนายศรัณย์วุฒิที่ผ่านมาโดยตลอด คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติจึงได้ประชุมและมีข้อสรุปร่วมกันว่า ไม่เห็นด้วยและไม่อาจรับได้กับพฤติกรรมของศรัณย์วุฒิ ที่ขาดภาวะผู้นําไม่มีวิสัยทัศน์ขาดความรับผิดชอบ และขาดความเป็นประชาธิปไตย

ตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ในวันนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อชาติบางส่วน จึงได้ลาออกจากการดํารงตําแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อรักษาไว้ ซึ่งหลักการประชาธิปไตยสากล ตลอดจนเพื่อคงไว้ซึ่งความเป็นสถาบันและอุดมการณ์ประชาธิปไตยของพรรคเพื่อชาติ อีกด้วย

อนึ่ง หากมีผู้ใดไปแอบอ้าง หรือพยายามใช้ชื่อพรรคเพื่อชาติในการสร้างความน่าเชื่อถือ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์เพื่อตนเอง หรือผู้อื่น ไม่ว่าในกรณีใดๆ หรือต่อผู้ใด อาทิ หน่วยงานราชการ ข้าราชการ พ่อค้า ประชาชน หรือนักการเมือง ทั้งฝ่ายค้านและ ฝ่ายรัฐบาล ไม่ว่าจะโดยทางตรง หรือทางอ้อม เช่น การร้องขอ การเรียกร้อง ข่มขู่ด้วยการอภิปรายในสภาหรือด้วยวิธีการอื่นใดก็ตาม 

พรรคเพื่อชาติ ขอกราบเรียนว่า พรรคไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องใดๆ กับการกระทําของบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด และหากมี ผู้ใดได้รับผลกระทบจากการกระทําในลักษณะดังกล่าว ขอให้ติดต่อโดยตรงมาได้ที่ พล.ต.ต.ดร.ชยุต มารยาทตร์ โฆษกพรรคเพื่อชาติ หมายเลขโทรศัพท์ 086-001-0001 ซึ่งพรรค เพื่อชาติ จะทําการตรวจสอบ ติดตาม และให้ความเป็นธรรมกับท่านโดยเร็วต่อไป