วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีคำให้สัมภาษณ์ กรณีถือหุ้นสื่อของ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่จะไปดูคำวินิจฉัยและข้อกล่าวหาของศาลรัฐธรรมนูญ ว่า มีหลายคดี ซึ่งตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ยอมรับว่ามีเรื่องการถือครองหุ้น ส่วนจะใช้บรรทัดฐานเดียวกันกับกรณีที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาคืนสิทธิ์ให้ ชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กรณีถือครองหุ้นสื่อหรือไม่นั้น สามารถนำมาเทียบเคียงกันได้ แต่จะแตกต่างกันในประเด็นต่างๆ ซึ่งกรณีของ ชาญชัย เป็นการถือครองหุ้นสื่อในบริษัทแม่และบริษัทลูกซึ่งสามารถนำมาเทียบเคียงกันได้ แต่ในหลักการจะต้องไปดูคำวินิจฉัยเก่าๆ

นอกจากนี้ วิษณุ ยังกล่าวถึงกรณีที่หากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องรักษาการยาว การใช้จ่ายงบประมาณส่วนใดไม่ต้องขอ กกต. บ้าง ว่า งบที่จะต้องขออนุมัติการใช้จ่ายจาก กกต.คืองบกลาง แต่หากพ้นวันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป รัฐธรรมนูญอนุญาตให้ใช้งบประมาณจากปีก่อนได้เพราะงบประมาณในปีก่อนไม่ใช่งบกลางเป็นงบเต็มจำนวนจึงสามารถนำมาใช้จ่ายได้ ส่วนงบประมาณผูกพันเดิมกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยังสามารถใช้จ่ายต่อไปได้

ขณะที่งบประมาณหน่วยงานใดที่ไม่เกิน 100 ล้านบาท หน่วยงานสามารถดำเนินการเองได้เอง เว้นแต่งบประมาณที่เกิน 100 ล้านบาทและต้องผ่านความเห็นชอบจาก ครม. จึงต้องส่งให้ กกต.เห็นชอบด้วยเช่นเดียวกับ การแต่งตั้งโยกย้ายตำแหน่งที่ต่ำกว่าอธิบดี ไม่ต้องเข้า ครม. ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ทำกันอยู่แล้ว