ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์' เปิดตัวขุนพลทีมเศรษฐกิจ รทสช. 'สุพัฒนพงษ์' เป็นแม่ทัพ ลั่นขอนำทีมคณะพระเอก 'เหรียญทอง' โผล่ดูเรื่องสุขภาพ-คุณภาพชีวิต 'ตู่' ย้ำอย่าลืมก่อน 8 ปีเกิดอะไร-ขออย่างเดียวคือความสงบ บอกไม่ต้องรักผม ขอให้รักประเทศชาติ

วันที่ 23 มี.ค. ที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรคฯ เดินทางมา นำคณะผู้บริหารพรรค แถลงข่าวเปิดตัวทีมเศรษฐกิจพรรค รทสช. ประกอบด้วย

1.)สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พลังงาน เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

2.)ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทยในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์

3.)ชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด

4.)วิท วรรณไกรโรจน์ อาจารย์ประจำภาควิชาพาณิชยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และ 5.)วินท์ สุธีรชัย สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล

นอกจากนี้มี พล.ต.นพ.เหรียญทอง แน่นหนา ประธานองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน ผอ.โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ มาดูเรื่องสุขภาพ คุณภาพชีวิตประชาชน และมี 3 ที่ปรึกษางานเศรษฐกิจ คือ จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ,อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ไตรรงค์ สุวรรณคีรี

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรคฯ กล่าวว่า ถือเป็นเกียรติของพรรคที่ได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิทราไม่เคยยุ่งเกี่ยวการเมือง ซึ่งวันนี้ตนและเพื่อนในพรรค ดีใจที่ผู้มีความรู้จะมาช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง ในแนวทางทางเดียวกัน ซึ่งทีมเศรษฐกิจนี้ต้องคิดถึงชาติบ้านเมือง แต่ยอมรับว่าการจะทำเศรษฐกิจให้ดีต้องเข้าใจนโยบายมหาภาคและสถานการณ์ด้วยซึ่งต้องปรับให้เข้ากับโลกยุคใหม่ด้วย 

1L1A5828.jpg

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก่อนอื่นขอกล่าวคำว่าสวัสดีทุกคนที่ให้เกียรติมาร่วมงาน ตนขอแสดงความยินดีที่ทุกคนให้เกียรติมาร่วมงานกับพรรค ซึ่งมีหลายช่วงวัย ประเทศไทยไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่งและไม่ใช่สถานประกอบการธุรกิจ ฉะนั้นการจะเดินหน้าประเทศต้องใช้บุคลากรที่มีคุณภาพ ซึ่งตนไว้วางใจที่หลายคนทำงานกับตนมาโดยตลอด ผมยืนยันว่าพรรคของเราต้องการทำให้ประชาชาติ ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมา เราก็พยามทำให้ดีที่สุด แต่ก่อนนั้นขอให้คำนึงว่าประเทศเป็นอย่างไร กรุณาขอให้ทบทวนดู ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุด ทุกคนต้องช่วยกัน เพราะตนไม่สามารถทำคนเดียวได้ ซึ่งประเทศชาติไม่มีพระเอก แต่ต้องมีคณะพระเอก โดยตนจะทำหน้าที่บริหารคณะพระเอกเหล่านี้ ฉะนั้นสิ่งแรกขอความไว้วางใจ ฉะนั้นตนไม่อยากจะหาเสียงมากนัก และอย่าระแวงผม และย้ำว่าการแก้ปัญหาทั้งหมดต้องขับเคลื่อนด้วยทีมแบบนี้ 

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุอีกว่า วันนี้ผมไม่หาเสียงอย่างที่คนอื่นพูด เพราะที่ประเทศไทยเป็นแบบนี้ เพราะมันคือสิ่งที่เราทำมา และก็จะทำต่อเนื่องเพราะเป็นอนาคตของประเทศไทย ทั้งนี้วันนี้ดีใจที่เห็นสื่อมาเยอะ พร้อมย้ำว่าเราไม่ใช่ศัตรูกัน ไม่เคยโกรธเกลียดใคร บางเวลาท่านผมก็ทำหน้าที่ของผม แต่ผมมีสัญชาติความเป็นมนุษย์ที่สูง และเป็นคนจริงใจเมื่อโมโหก็บอกว่าโมโห พร้อมกล่าวอีกว่า ถ้าประเทศไทยไม่มียุทธศาสตร์ ประเทศก็เดินไปไม่ได้ เพราะมันจำเป็นต้องมีคือยุทธศาสตร์ 

1L1A6328.jpg

ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคน วันนี้เป็นวันน่ายินดีของพรรครวมไทยสร้างชาติ แล้วคิดว่าประชาชนทุกคนก็ฝากความหวังไว้กับตนได้ ตน ยืนยันจะทำหน้าที่บริหารบ้านเมืองให้ดีที่สุด และจะนำพาคนที่อยู่กับเราไปช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้สู่วันที่สดใสกว้างไกลไปกว่านี้อีก พร้อมย้ำว่าอย่าลืม 8 ปี ก่อน 8 ปี เกิดอะไรขึ้น ฉะนั้นสิ่งที่ตนขออย่างเดียวคือความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง ซึ่งใครๆ ก็ทำไม่ได้หากมันไม่สงบเรียบร้อย พร้อมขอให้เราเคารพซึ่งกันและกัน ไม่ใช่คำอย่างอิสระ ขอคำว่าประชาธิปไตยมันมีขีดจำกัดอยู่ หน้าที่ความรับผิดชอบและการเคารพกฎหมาย พร้อมให้ดูต่างประเทศว่าแรงหรือไม่ ซึ่งคนทำไม่ได้เพราะคือคนไทยด้วยกัน พร้อมย้ำว่าไม่ต้องรักผม ขอให้รักประเทศชาติ เหมือนที่เรารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จะต้องยินยอมคู่กับประเทศไทยไปตลอด


นโยบาย ศก.ใช้หลักโควิดโมเดล

สุพัฒนพงษ์ ในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจ รทสช.ถึงกรณีสมัครเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค รทสช. ว่า ถ้าเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อก็เป็นไปได้ ตามกติกาของพรรค เพราะตนลงมาตรงนี้แล้วก็ต้องทำให้เต็มที่ที่สุด ซึ่งนโยบายด้านเศรษฐกิจของตนนั้น จะไม่เน้นที่การให้แบบเหวี่ยงแห แต่เป็นการมุ่งเป้า และการส่งเสริมการดำเนินการอะไรต่างๆจะมีอะไรใหม่ๆที่เป็นความร่วมมือกับประชาชน และทุกภาคส่วน ไม่ใช่แค่รัฐบาลอย่างเดียว เราใช้หลักที่เราฟันฝ่าอุปสรรคโควิด -19 มาได้อย่างไร เราจะใช้หลักนั้น เพราะเราเชื่อว่าหลักนั้นเป็นความสำเร็จที่ดี ทุกอย่างต้องร่วมมือด้วยกัน

S__56492138.jpg

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ หลายพรรคการเมืองออกนโยบายเรื่องตัวเลขมาเกทับกัน สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เดี๋ยวรอดูของพรรค รทสช. เราจะมุ่งเป้าสำหรับคนที่จำเป็น มีที่ไหนบ้างในอดีตที่ช่วยเหลือแต่ละกลุ่มอย่างเป็นระบบ เมื่อก่อนเหวี่ยงแหแจกทุกคน แต่ในยามวิกฤติ ยามเดือดร้อน เราใช้เงินเหมาะสม คนล่างสุดรับเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เหมือนเบาะรองรับเมื่อตกตึกสองชั้น ซึ่งเขาพออยู่ได้ มีโอกาสดำรงชีวิตได้ในระดับหนึ่ง คนที่ระดับสูงกว่านั้นก็เป็นโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องไปช่วยคนตัวเล็กอีกทีหนึ่ง ส่วนชอปดีมีคืน ก็เป็นคนมีฐานะก็ไปช่วยกันใช้เงิน การแบ่งเป็น 3 ชั้นอย่างนี้ไม่เคยมี 

ถามต่อว่า แสดงว่าโครงการคนละครึ่งเหล่านี้ จะมีการทำต่อ สุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ทำต่ออยู่แล้ว ถือว่าเป็นนโยบายของพรรคเลย ก็มันเป็นสิ่งที่ดี ซึ่งครั้งนี้จะต่างจากช่วงวิกฤติ แต่เราจะเน้นผู้ที่ประหยัดค่าใช้จ่าย ผู้ที่ถือแอพพิเคชั่นเป๋าตังค์ รอบหน้าเราเพิ่มเรื่องถุงเงินที่เน้นเอสเอ็มอี เน้นคนตัวเล็ก ซึ่งในถุงเงินภายใต้โครงการคนละครึ่งมีผู้มีสิทธิ์ 1 ล้านราย เราอยากให้มีมากขึ้นถึง 5 ล้านราย